ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน80-1329 พระนครศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 3ร-1540 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 เป็นภริยาของนายมานิต อุ่นช่วง ผู้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับประกันภัยและเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2530 นายมานิตขับรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 1 จากทางแยกเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูนจะเข้าไปในทางหลวงโดยประมาท พุ่งเข้าชนรถยนต์ของโจทก์กระเด็นตกไปข้างถนน โจทก์ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน422,300 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน412,300 บาท

จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยโจทก์ไม่บรรยายว่าจำเลยที่ 1 มีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายอย่างไรกับนายมานิตผู้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 อันจำเลยที่ 1จะต้องรับผิดต่อโจทก์ และจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ในนามของบุคคลใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายมานิต อุ่นช่วง ชำระเงิน 140,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 9 เมษายน 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 395,000 บาท แก่โจทก์

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำแก้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายในกำหนด มีคำสั่งให้รับแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 และพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมก่อน เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 3ร-1540กรุงเทพมหานคร คันเกิดเหตุ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่านายมานิตขับรถยนต์คันเกิดเหตุในฐานะอะไรหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้นอันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1ต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของนายมานิต เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 3ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วยคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ 3 ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ด้วยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th