ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรของพันตำรวจเอกสมศักดิ์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2521 พันตำรวจเอกสมศักดิ์ถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสองอ้างว่าพันตำรวจเอกสมศักดิ์ทำพินัยกรรมยกมรดกส่วนใหญ่ให้จำเลยทั้งสอง ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1653 และ 1705 ขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมของพันตำรวจเอกสมศักดิ์ดังกล่าวเป็นโมฆะ
จำเลยทั้งสองให้การว่า พันตำรวจเอกสมศักดิ์ผู้ทำพินัยกรรมได้บอกร่างให้จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ให้ผู้อื่นพิมพ์พินัยกรรมตัวจริง กฎหมายห้ามเฉพาะผู้เขียนพินัยกรรมเท่านั้น มิได้ห้ามถึงผู้พิมพ์ด้วย พินัยกรรมฉบับพิพาทมิได้เป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจาณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรม อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มโดยชอบแล้ว แต่โจทก์ไม่จัดการเสียเพิ่มให้ถูกต้องภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








