คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3469/2534
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 289, 290 วรรคท้าย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 31
การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไว้ขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ และต่อมาโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 ครบถ้วนแล้วนั้น กรณีเช่นนี้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ต่อไปและไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคท้าย ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองและได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อศาลแรงงานกลางซึ่งได้ออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ไว้ไม่มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้.
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว โจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยที่ 2 ผิดนัดเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไว้รวม 7 แปลง ผู้ร้องทั้งสองต่างเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ซึ่งรับจำนองที่ดินของจำเลยที่ 2 ไว้ทั้ง 7 แปลง ต่างได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 และต่างขอใช้สิทธิในการบังคับคดีต่อไป หากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและสิทธิในการบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2ทั้ง 7 แปลง ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาคำร้องขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องทั้งสองแล้ว มีคำสั่งว่า หากมีการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 7แปลง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง ให้นำเงินที่ขายทอดตลาดได้ชำระหนี้ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิก่อนหากโจทก์และสิทธิในการบังคับคดี หรือเพิกถอน ไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ให้ถือว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าหนี้ผู้นำยึดหรือดำเนินการบังคับคดีต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้นำเงินมาวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไว้แล้ว รวม 124,500 บาท และเครื่องปรับอากาศที่โจทก์ นำยึดได้ขายทอดตลาดไปแล้วเป็นเงิน 87,000 บาท รวม211,550 บาท ส่วนที่เหลือ จำเลยที่ 2 สามารถชำระหนี้ได้ ส่วนเจ้าหนี้รายอื่นที่ยื่นขอรับชำระ หนี้ในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองมีบุริมสิทธิจำเลยที่ 2 สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ดังกล่าวได้ ศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ไว้เป็นการชั่วคราวโดยให้จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระหนี้ภายใน 1 ปี หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ให้โจทก์แถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2ผิดนัดยังค้างชำระหนี้อยู่อีก 188,500 บาท ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ศาลแรงงานกลางได้สั่งนัดพร้อมไว้ ก่อนถึงวันนัดจำเลยที่ 2 ได้นำเงินจำนวนที่ค้างชำระดังกล่าวมาวางศาลและโจทก์ได้มาขอรับไปถึงวันนัดพร้อม โจทก์แถลงว่าได้รับเงินที่จำเลยที่ 2 นำมาวางศาลแล้ว โจทก์ไม่ติดใจที่จะบังคับคดีต่อไป ขอถอนการบังคับคดี และศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนการบังคับคดี ต่อมาปรากฎว่าในวันเดียวกันนั้นศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งว่า ผู้ร้องที่ 2 เจ้าหนี้บุริมสิทธิลำดับที่ 1 และผู้ร้องที่ 1 เจ้าหนี้บุริมสิทธิลำดับที่ 2 ต่างได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง และหากโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ให้ถือว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าหนี้ผู้นำยึดหรือดำเนินการบังคับคดีต่อไป ซึ่งศาลได้สั่งอนุญาตไว้แล้ว ฉะนั้นเมื่อโจทก์ขอถอนการบังคับคดีผู้ร้องทั้งสองย่อมมีอำนาจตามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความพระราชบัญญัติแพ่ง มาตรา 290วรรคท้าย ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป จึงให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ถอนการบังคับคดีนี้แจ้งคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองทราบซึ่งต่อมาผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิบังคับคดีต่อไปให้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองที่ยึดไว้ทั้งหมด ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ถือว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าหนี้ผู้นำยึด แจ้งให้พนักงานบังคับคดีทราบเพื่อดำเนินการต่อไป และให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2ยื่นคำร้องมีใจความว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ทำให้การบังคับคดีถูกเพิกถอนไป ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา มีสิทธิเพียงขอให้เอาเงินที่ได้จากการบังคับคดีชำระหนี้ก่อน คดีนี้โจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วจึงไม่มีการบังคับคดี ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิขอเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ เพราะผู้ร้องทั้งสองมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้มีคำสั่งระงับการบังคับคดีและการขายทอดตลาด
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองและขอสวมสิทธิการบังคับคดีแทนโจทก์ ศาลอนุญาตแล้วผู้ร้องทั้งสองจึงมีสิทธิที่จะสวมสิทธิของโจทก์บังคับคดีต่อไปได้ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคท้าย บัญญัติว่า"ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดี หรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ผู้ขอเฉลี่ยหรือผู้ยื่นคำร้องตามมาตรา 287 หรือตามมาตรา 289 มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป" คดีนี้ได้ความว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินทั้ง 7 แปลงของจำเลยที่ 2 ไว้ขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ และปรากฎว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 ครบถ้วนแล้ว เห็นว่า กรณีดังกล่าวโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 อีกต่อไปและไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดี หรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด จึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคท้าย แม้ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองและได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อศาลแรงงานกลาง ซึ่งได้ออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ไว้ก็ตาม ผู้ร้องทั้งสองก็ไม่มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองที่ขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ดุสิต ลิ้มมธุร สกุล ผู้ร้อง - ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด กับพวก จำเลย - บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก
ชื่อองค์คณะ ชลิต ประไพศาล ครีภูมิ สุวรรณโรจน์ ราเชนทร์ จัมปาสุต
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan