ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 20 เนื้อที่ 2 งาน 2 ตารางวา โดยซื้อมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจังหวัดหนองคาย ได้จดทะเบียนรับโอนมาเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2533 จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 164 เนื้อที่ 1 งาน31 8/10 ตารางวา อยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกเมื่อเดือนกันยายน 2537 โจทก์ได้รังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกเป็นเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินของโจทก์แล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สิน บริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองซื้อที่พิพาทมาจากนายจันทร์ กานิล เมื่อปี 2523 โดยมีบ้านปลูกอยู่ 1 หลังมีรั้วรอบขอบชิดอยู่ก่อนแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ได้ต่อเติมเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จำเลยทั้งสองได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต จำเลยทั้งสองไม่ต้องรื้อถอนออกไป ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าใช้ที่พิพาทให้แก่โจทก์เดือนละ 4,000 บาทนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองในที่พิพาทจะสลายไปทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องพิจารณาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประเด็นแรกว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าใช้ที่ดินพิพาทให้โจทก์เป็นการพิพากษานอกประเด็นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างไปจากที่ดินโจทก์แล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากโจทก์ไม่สามารถที่จะเข้าไปใช้หรือเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ได้ หากที่ดินพิพาทให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าไม่น้อยกว่าเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นค่าเสียหายของโจทก์ โดยโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าใช้ที่ดินจากจำเลยทั้งสอง คงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเท่านั้น จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้มีชื่อโดยมีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอยู่แล้ว เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตและต่อสู้เรื่องค่าเสียหาย ดังนี้คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องค่าใช้ที่ดินการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายเนื่องจากโรงเรือนของจำเลยทั้งสองรุกล้ำที่ดินโจทก์ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าเท่ากับโจทก์เรียกค่าใช้ที่ดินของโจทก์จากจำเลยทั้งสองนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ในส่วนที่ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าใช้ที่ดินแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะไปว่ากล่าวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th