คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2542
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 69 (2), 70, 78 (1)
การค้นในคดีนี้เป็นการค้นเพื่อพบและยึดยาเสพติดซึ่งเป็น สิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ การออกหมายค้นจึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 69(2) และไม่จำต้องออกหมายจับบุคคลตามมาตรา 70 ด้วย เมื่อตรวจค้นแล้วพบว่าจำเลยมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ใน ครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าพนักงานตำรวจจึงมี อำนาจจับจำเลยได้ตามมาตรา 78(1)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8,15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 15 ปีลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 7 ปี 6 เดือน จำคุก จำเลยที่ 2 กำหนด 10 ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทต่อศักดิ์และสิบตำรวจตรีสมยศ ว่า ในวันเกิดเหตุร้อยตำรวจโทต่อศักดิ์ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ที่ห้องพักเลขที่ 609 อาคารเอส.ดับบลิว แมนชั่น มีการลักลอบขายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน พยานทั้งสองพร้อมด้วยสายลับจึงนำหมายค้นไปตรวจค้นที่ห้องดังกล่าว เมื่อไปถึงสายลับได้เข้าไปเคาะประตูห้อง ครั้นประตูเปิดพยานทั้งสองกับพวกเข้าไปในห้องพบจำเลยทั้งสองจึงขอตรวจค้น ผลการตรวจพบเฮโรอีน จำนวน 10 หลอด และเมทแอมเฟตามีน 1,050 เม็ด ซ่อนอยู่ใต้ฟูก ที่นอนกับหลอดกาแฟจำนวน 1 ถุง และเงินอีก 3,000 บาท อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง จึงยึดไว้เป็นของกลาง ชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องแล้วที่จำเลยที่ 2 ฎีกาอีกข้อในทำนองว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นและจับจำเลยที่ 2 โดยไม่ชอบนั้น เห็นว่า การค้นในกรณีนี้เป็นการค้นเพื่อพบและยึดยาเสพติดซึ่งเป็นสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ การออกหมายค้นจึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 69(2) และไม่จำต้องออกหมายจับบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 70 ด้วย เมื่อตรวจค้นแล้วพบว่าจำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าเจ้าพนักงานตำรวจจึงมีอำนาจจับจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(1)
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ สำนักงาน อัยการ สูงสุด จำเลย - นาย วิชัย คำศ รี กับพวก
ชื่อองค์คณะ สุนทร สิทธิเวชวิจิตร อร่าม หุตางกูร อำนวย เต้พันธ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan