ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา มีการประชุมสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 และมีมติให้โจทก์พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อย โดยอ้างว่าโจทก์ขัดขวางการปฏิบัติงานของสภาตำบลเกาะยาวน้อย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของนายวิทยา สกุลสัน ประธานสภาตำบล และชื่อเสียงของสภาตำบลเกาะยาวน้อยอย่างร้ายแรง ซึ่งมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยเหตุผลตามกฎหมาย โจทก์ต้องเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาตำบลและเสียเกียรติยศ ชื่อเสียงขอให้พิพากษาว่ามติตามรายงานการประชุมสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 ซึ่งให้โจทก์พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อยเป็นโมฆะ

จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า มติของสภาตำบลเกาะยาวน้อยครั้งที่ 2/2537 ที่ให้โจทก์พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อยไม่ชอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 8(4) ไม่มีผลให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เดิมโจทก์เป็นสมาชิกสภาตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ที่ตำบลเกาะยาวน้อย มีทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเมื่อเดือนเมษายน 2536 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ทางจังหวัดพังงาเห็นสมควรสร้างที่ตำบลเกาะยาวน้อย ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคม 2536 สภาตำบลเกาะยาวน้อย มีมติให้ใช้ที่ดินทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ดังกล่าวสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งมีการขออนุญาตโครงการและดำเนินการก่อสร้างศูนย์ดังกล่าว แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในที่ดินดังกล่าวโจทก์กับราษฎรกลุ่มหนึ่งร้องเรียนและคัดค้านไม่เห็นด้วยในการก่อสร้าง ต่อมาวันที่ 13 มกราคม 2537 มีการประชุมสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 ลงมติให้โจทก์พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาตำบล มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่ามติของสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 ที่ให้โจทก์พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาตำบลชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โจทก์มีตัวโจทก์เป็นพยานเบิกความว่า ที่ตำบลเกาะยาวน้อยมีทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ซึ่งทางราชการขึ้นทะเบียนไว้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตั้งแต่ปี 2492 ต่อมาได้มีการขอใช้ที่ดินดังกล่าวบางส่วนก่อสร้างโรงพยาบาลและสำนักงานขององค์การโทรศัพท์ จึงมีการออกพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ 28 ไร่ เมื่อปี 2534 คงเหลือที่ดินประมาณ 343 ไร่ ปี 2536 นายวิทยา สกุลสันประธานสภาตำบลเกาะยาวน้อยกับพวกบุกรุกเข้าไปในที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โจทก์และชาวบ้านอื่นที่ไม่เห็นด้วยจึงทำหนังสือคัดค้านต่อนายอำเภอเกาะยาว หน่วยราชการ และให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ตามเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.8 ต่อมาวันที่ 13 มกราคม 2537 สภาตำบลเกาะยาวน้อยมีมติให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งสมาชิกตำบลเกาะยาวน้อย ตามรายงานการประชุมสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 เอกสารหมาย จ.1 ซึ่งมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มีนายเดชา เริงสมุทร กำนันตำบลเกาะยาวน้อยคนปัจจุบัน นายเหม ถิ่นทะเล นายสุอีด สืบพงษ์และนายมโน เปกกมล ราษฎรตำบลเกาะยาวน้อย เป็นพยานเบิกความว่าพยานต่างไม่เห็นด้วยกับการที่สภาตำบลเกาะยาวน้อยเข้าไปสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์และเข้าชื่อคัดค้าน เห็นว่า การที่สภาตำบลเกาะยาวน้อยเข้าไปใช้ที่ดินทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์เพื่อก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แม้กระทำไปตามขั้นตอนระเบียบแบบแผนของทางราชการและเพื่อประโยชน์ของราษฎรทั่วไป แต่เมื่อยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพที่ดินดังกล่าวก่อน จึงเป็นเหตุให้โจทก์และราษฎรส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยและโต้แย้งคัดค้านเพื่อประโยชน์ของราษฎรที่ใช้ที่ดินดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ของการใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าวนั้น โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีเจตนาให้เสื่อมเสียประโยชน์ของตำบลแต่อย่างใด การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่ถือว่าโจทก์มีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียประโยชน์ของตำบลอันจะเป็นเหตุให้สภาตำบลมีมติให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 326 ข้อ 8(4) ได้ ทั้งตามรายงานการประชุมสภาตำบลเกาะยาวน้อย ครั้งที่ 2/2537 เอกสารหมาย จ.1 ปรากฏว่าที่ประชุมอ้างเหตุให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งว่าโจทก์ขัดขวางการปฏิบัติงานของสภาตำบล ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของนายวิทยา สกุลสัน ประธานสภาตำบล และทำให้ราษฎรบางกลุ่มมองสภาตำบลไปในทางผิด เสื่อมเสียชื่อเสียงของสภาตำบลอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ตรงกับเหตุตามข้อ 8(4) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวอีกด้วย จึงถือว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th