ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นคนไร้ความสามารถอยู่ในความอนุบาลของนางชื่น ผู้อนุบาล ตามคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23/2556 คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้นางสาวมะลิวรรณ พี่สาวโจทก์ฟ้องคดีแทน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้โจทก์เป็นผู้เสียหายจึงทำหนังสือมอบอำนาจให้นางสาวมะลิวรรณ พี่สาวโจทก์ฟ้องคดีแทนได้ แม้โจทก์เป็นผู้ไร้ความสามารถ แต่เป็นเพียงข้อบกพร่องที่สามารถแก้ไขให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง นั้น เห็นว่า ขณะที่โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้นางสาวมะลิวรรณฟ้องคดีนี้ซึ่งลงวันที่ 21 มกราคม 2559 โจทก์ยังเป็นคนไร้ความสามารถและอยู่ในความอนุบาลของนางชื่น การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้นางสาวมะลิวรรณดำเนินคดีแทนนั้น เป็นการกระทำโดยโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ ต้องให้นางชื่นผู้อนุบาลเป็นผู้กระทำการแทน กรณีหาใช่เป็นเรื่องของการบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ และจำต้องแก้ไขข้อบกพร่องนั้นเสียให้บริบูรณ์ภายในกำหนดเวลาอันสมควรดังที่โจทก์อ้าง เพราะเป็นกรณีที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องมาแต่ต้นแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ยกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.556/2561
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







