สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3736/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3736/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 94

จำเลยให้การว่า มีหญิงชายคู่หนึ่งมาหลอกเอาเงินโจทก์จำเลยไป โจทก์กลัวว่าสามีโจทก์รู้แล้วจะด่าว่าและทำร้าย โจทก์จึงนำสัญญากู้ซึ่งเขียนเสร็จแล้ว มาให้จำเลยลงลายมือชื่อเพื่อโจทก์จะนำสัญญากู้ไปหลอกสามีว่าจำเลยกู้เงินไป ซึ่งความจริงจำเลยไม่เคยได้รับเงินตามสัญญา เช่นนี้จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบมูลเหตุที่ทำสัญญาเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ และหนี้เงินกู้ไม่สมบูรณ์เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2535 จำเลยกู้ยืมและรับเงิน 212,600 บาท ไปจากโจทก์ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระหนี้ในวันที่ 21 เมษายน 2537 โดยนำบ้านและทรัพย์สินภายในบ้านเป็นประกันหนี้ แล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 284,350 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 212,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า วันที่ 14 ตุลาคม 2535 ขณะที่จำเลยนอนป่วยอยู่ที่บ้าน โจทก์นำหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งเขียนเสร็จแล้วมาขอให้จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินจำนวน4 ฉบับ ว่าได้กู้เงินโจทก์ไปฉบับละ 212,600 บาท โจทก์บอกว่าจะนำสัญญากู้เงินไปหลอกสามีโจทก์ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป เพราะโจทก์และจำเลยถูกผู้อื่นหลอกลวงให้ถอนเงินจากธนาคารให้ไปเป็นจำนวนมาก โจทก์กลัวว่าสามีโจทก์จะด่าว่าและทุบตีทำร้ายโจทก์จำเลยซึ่งเป็นพี่ของโจทก์มีความรักโจทก์ผู้เป็นน้อง จึงได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้ทั้ง 4 ฉบับ เก็บไว้ที่โจทก์ 1 ฉบับ ทุกฉบับมีวันเดือนปีและจำนวนเงินตรงกันโจทก์สัญญาว่าจะไม่นำสัญญากู้มาฟ้อง จำเลยไม่เคยได้รับเงินตามสัญญาที่โจทก์ฟ้อง สัญญากู้เป็นโมฆียะกรรมและได้บอกล้างนิติกรรมการกู้เงินไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย จ.1 มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ตามสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1 มีข้อความว่า ผู้กู้ได้กู้ยืมเงินและได้รับเงินนี้ไปเสร็จแล้วแต่วันทำสัญญานี้ การที่จำเลยนำสืบว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนที่โจทก์ฟ้องเลย จึงเป็นการสืบพยานบุคคลเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 นั้น เห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่า มีหญิงชายคู่หนึ่งมาหลอกเอาเงินโจทก์จำเลยไป โจทก์กลัวว่าสามีโจทก์รู้แล้วจะด่าว่าและทำร้าย โจทก์จึงนำสัญญากู้ซึ่งเขียนเสร็จแล้วจำนวน 4 ฉบับ มาให้จำเลยลงลายมือชื่อเพื่อโจทก์จะนำสัญญากู้ไปหลอกสามีว่า จำเลยกู้เงินไป ซึ่งความจริงจำเลยไม่เคยได้รับเงินตามสัญญา เช่นนี้จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบมูลเหตุที่ทำสัญญาเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ และหนี้เงินกู้ไม่สมบูรณ์เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลยกรณีมิใช่เป็นการนำสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญากู้ดังข้อฎีกาของโจทก์"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสมพร ใจละเอียด จำเลย - นางสายพาน โตกระจ่าง

ชื่อองค์คณะ เหล็ก ไทรวิจิตร ปราโมทย์ ชพานนท์ สกนธ์ กฤติยาวงศ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE