คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785/2564
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56 พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ.2559 ม. 34
กรณีที่จำเลยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายตามบันทึกข้อตกลงซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ เป็นกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติที่ศาลกำหนดตาม ป.อ. มาตรา 56 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการคุมความประพฤติและให้ลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ย่อมเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ.2559 มาตรา 34 วรรคสอง
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายขุนทึง ผู้เสียหายตามบันทึกข้อตกลงฉบับลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ต่อมาจำเลยมิได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามจำนวนและระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลง
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม โจทก์ จำเลย พนักงานคุมประพฤติ และผู้เสียหาย คงมีโจทก์ ผู้เสียหาย และจำเลยมาศาล แล้วผู้เสียหายให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายโดยนัดพร้อมตามระยะเวลาที่ตกลงกัน แต่จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้วไม่ชำระอีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงฉบับลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560 อันเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลย จึงให้เพิกถอนการคุมความประพฤติของจำเลยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า กรณีที่จำเลยไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายตามบันทึกข้อตกลงซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ เป็นกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการคุมความประพฤติและให้ลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ.2559 มาตรา 34 วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.1754/2564
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพิษณุโลก จำเลย - นาย อ.
ชื่อองค์คณะ ศิริชัย ศิริชื่นวิจิตร เธียรดนัย ธรรมดุษฎี ไชยผล สุรวงษ์สิน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแขวงพิษณุโลก - นางสาวศิวาพร ศิริกุล ศาลอุทธรณ์ภาค 6 - นางรุ่งรัตน์ วิจิตรจงกล