สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3846/2541

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3846/2541

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158, 176

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกรอไว้ 2 ปี โดยไม่ได้บรรยายฟ้องระบุถึงโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในคดีก่อนว่ามีระยะเวลาเท่าใด แม้ตามคำให้การของจำเลยและ รายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและรับข้อเท็จจริงเรื่องเคยต้องโทษตามฟ้องแต่เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุถึงระยะเวลาของโทษ จำคุกในคดีก่อน จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏแก่ศาลให้รับฟัง ได้ว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยนานเท่าใดในคดีก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษคดีหลัง ตามที่โจทก์ขอได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาแห้งอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 0.45 กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 250/2539 ให้ลงโทษจำคุกรอไว้ 2 ปี ปรับ 700 บาทในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้จำเลยได้มากระทำความผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 6, 7,8, 26, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 และบวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีและรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วจริงตามฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่งให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 1,400 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 700 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้งภายในกำหนด 1 ปี ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงภายในเวลา 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนที่โจทก์ขอให้บวกโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 250/2539 นั้น เนื่องจากในคดีนี้ศาลพิพากษารอการลงโทษจำเลยจึงไม่อาจนำโทษคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษและบวกโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษไม่ลงโทษปรับ และไม่คุมประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกรอไว้2 ปี ปรับ 700 บาท โดยไม่ได้บรรยายฟ้องระบุถึงโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในคดีก่อนว่ามีระยะเวลาเท่าใด แม้ตามคำให้การของจำเลยและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและรับข้อเท็จจริงเรื่องเคยต้องโทษตามฟ้อง แต่เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุถึงระยะเวลาของโทษจำคุกในคดีก่อน จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏแก่ศาลให้รับฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยนานเท่าใดในคดีก่อนดังนั้นจึงไม่อาจบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังตามที่โจทก์ขอได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด อุบลราชธานี จำเลย - นาย เซ็ก ไชยะโอชะ

ชื่อองค์คณะ ศุภชัย ภู่งาม สถิตย์ ไพเราะ ม.ล.เฉลิมชัย เกษมสันต์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th