
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงิน 54,071 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายหรือไม่ และหนังสือมอบอำนาจให้นายประวิทย์ รัตนวงศ์ ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าโจทก์ส่งหนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 และหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.2 ต่อศาลโดยมิได้ให้นายบัญชา ตั้งวรารัตน์ มาเบิกความประกอบจึงฟังไม่ได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าหนังสือรับรองว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรอง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น นายบัญชา ตั้งวรารัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการจึงไม่จำต้องมาเบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันไม่นำสืบหักล้างเอกสารดังกล่าว ก็ย่อมต้องถือว่าเป็นหนังสือรับรองที่แท้จริงและถูกต้องแล้ว ฟังได้ว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.2นั้น ก็ปรากฏว่าพยานโจทก์คือนายประวิทย์ รัตนวงศ์ และนางหทัยรัตน์ แซ่จึงภริยาของนายบัญชา เบิกความรับรองว่า โจทก์โดยนายบัญชาหุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายประวิทย์ฟ้องคดีและดำเนินคดีแทนโจทก์จริงจำเลยมิได้นำสืบหักล้างแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา








