ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด จำนวน 300,000 บาท โดยโจทก์จำนองที่ดินเป็นประกัน ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัดโจทก์ได้ชำระแทนแล้วเรียกเงินดังกล่าวจากจำเลย จำเลยได้ชำระให้โจทก์เพียง 9,000 บาท ยังคงค้างชำระรวมต้นเงินและดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 298,275 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ได้จำนองที่ดินเพื่อประกันเงินกู้ให้แก่จำเลยจริง จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่ธนาคารที่จำเลยกู้ได้โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้โดยโจทก์ยืนยันว่าจะไม่ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยเกี่ยวกับการค้ำประกัน แต่จะให้ผูกพันตามสัญญากู้ซึ่งจำเลยชำระให้แก่โจทก์แล้ว 9,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยไม่สามารถชำระได้โจทก์จึงนำคดีเกี่ยวกับการค้ำประกันมาฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด โดยโจทก์นำที่ดินของโจทก์มาจำนองเพื่อเป็นประกันการกู้ไว้ต่อธนาคารดังกล่าว ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้แก่ธนาคาร โจทก์จึงชำระหนี้แทนจำเลยเป็นเงิน300,000 บาท และโจทก์จำเลยได้ร่วมกันทำเอกสารหมาย ล.1 โดยโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระเงินเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งจำเลยได้ชำระแก่โจทก์แล้ว 3 งวด เป็นเงิน 9,000 บาท คงค้างอีก 291,000 บาท แล้วจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2530 ปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกามีเพียงว่า เอกสารหมาย ล.1 ที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันเป็นหลักฐานเกี่ยวกับการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ชำระหนี้ให้ธนาคารแทนจำเลยไปจำนวน 300,000 บาท ครบถ้วนตามจำนวนที่จำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคาร โจทก์ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยให้จำเลยใช้เงินคืนตามจำนวนที่โจทก์ได้ชำระให้แก่ธนาคารไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 724 แต่โจทก์มิได้ใช้สิทธิไล่เบี้ยดังกล่าว กลับตกลงกับจำเลยทำหนังสือสัญญาไว้ต่อกันตามเอกสารหมาย ล.1 มีข้อความสรุปว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้นายเศรษฐวาล จงสถิตย์ไพบูลย์ และโจทก์เป็นเงิน 300,000 บาท จำเลยจะต้องผ่อนชำระเงินกู้ให้โจทก์เดือนละ3,000 บาท จนกว่าจะครบ กรณีดังกล่าวถือได้ว่ามีหนี้ใหม่เกิดขึ้นตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นในสาระสำคัญแห่งหนี้จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ มีผลทำให้หนี้เดิมระงับไป ดังนั้นโจทก์ชอบที่จะฟ้องบังคับจำเลยตามมูลหนี้ใหม่ในเอกสารหมาย ล.1ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th