ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า นายวิชา ณ เชียงใหม่ สามีจำเลยออกเช็คลงวันที่ 2 มกราคม2516 สั่งจ่ายเงิน 30,000 บาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืม แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2516 นายวิชาตายและบัดนี้จะครบ 1 ปีแล้วโจทก์ยังติดต่อกับจำเลย ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลย โดยโจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินในวันที่สั่งจ่ายและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันนั้น แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2517 จึงขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์บรรยายไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว สิทธิฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปีเช่นเดียวกับในทางอาญา ทั้งนายวิชาออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมจึงมีอายุความ 10 ปี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อนายวิชาถึงแก่ความตายอายุความที่เป็นโทษแก่นายวิชาจะขาดลงภายในเวลาต่ำกว่า 1 ปี นับแต่วันที่นายวิชาตายย่อมขยายออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186คดีจึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ต่อไป
จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะหยิบยกประเด็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 ขึ้นวินิจฉัย และสิทธิเรียกร้องตามมาตราดังกล่าวหมายถึงการเป็นคุณหรือเป็นโทษของเจ้าหนี้ ไม่ใช่ของลูกหนี้ ชอบที่จะบังคับตามมาตรา 1002
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์เป็นประเด็นให้วินิจฉัยว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สิทธิฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปี ทั้งเป็นการออกเช็คเนื่องมาจากการกู้ยืมเงินจึงมีอายุความ 10 ปี ในชั้นอุทธรณ์จึงไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเรื่องการขยายอายุความตามมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันปัญหาว่าอายุความขยายตามมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่นั้นไม่ใช่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ ศาลอุทธรณ์หยิบยกมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น ศาลฎีกาเห็นควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาอีก ข้อหนึ่งของจำเลยแต่อย่างใด
พิพากษาว่าให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามประเด็น
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








