ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และสั่งริบอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานสนับสนุนการพยายามฆ่าผู้อื่นให้จำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน ฐานสนับสนุนการมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานสนับสนุนการพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 23 ปี 8 เดือน 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างเห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 17 ปี 9 เดือน 15 วัน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า จำคุก 8 ปี 10 เดือน 20 วัน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นรวมจำคุก 10 ปี 4 เดือน 20 วัน ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 9 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้คือ จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่ โดยจะแยกวินิจฉัยแต่ละฐานความผิดดังต่อไปนี้ ในความผิดฐานสนับสนุนการพยายามฆ่าผู้อื่นนั้นโจทก์มีประจักษ์พยานรวม 3 คน คือ ผู้เสียหาย นายสมพร และนายประเสริฐเท่านั้นที่เบิกความยืนยันว่าจำหน้าคนร้ายได้และยืนยันว่าจำเลยทำหน้าที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ แต่ในขณะเดียวกันกลับได้ความจากผู้เสียหายและนายประเสริฐว่า จำเลยมิใช่คนร้ายที่ไล่ยิงผู้เสียหายโดยขณะเกิดเหตุจำเลยคงนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยขับมาและขณะนั้นจำเลยได้ดับเครื่องรถตลอดเวลาด้วยที่สำคัญผู้เสียหายเบิกความว่าเมื่อถูกยิง 1 นัด แล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีคนร้ายไล่ตามมาทำร้ายอีก นอกจากนี้ได้ความจากผู้เสียหายและนายประเสริฐต่อไปว่าหลังจากเกิดเหตุแล้วไม่เห็นคนร้ายและจำเลยร่วมกันหลบหนีไปทางใดประกอบกับการที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์มาจอดแล้วดับเครื่องรถและนั่งอยู่ที่รถจักรยานยนต์ตลอดเวลาในลักษณะเช่นนี้เห็นได้ว่าจำเลยไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะช่วยเหลือพากันหลบหนีได้ทันที กรณีเห็นได้ว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมรู้เห็นใด ๆ ในการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง อีกทั้งการที่ผู้เสียหายกับจำเลยต่างไม่เคยรู้จักกันและไม่มีสาเหตุใด ๆ ต่อกันมาก่อน และเมื่อจำเลยถูกจับกุมจำเลยก็ได้แจ้งชื่อคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแก่เจ้าพนักงานตำรวจทันทีและนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมคนร้ายดังกล่าวจนสามารถยึดอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์มาเป็นของกลางอีกด้วย เช่นนี้รูปคดีทำให้มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้ช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง คดีโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยในฐานความผิดนี้ไม่ได้ทั้งนี้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยถึงพยานหลักฐานของจำเลยอีกต่อไป

สำหรับที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานสนับสนุนการมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และสนับสนุนการพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานสนับสนุนการมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 9 เดือนฐานสนับสนุนการพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน 15 วัน เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานสนับสนุนการพยายามฆ่าผู้อื่น ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องในความผิดฐานสนับสนุนการมีอาวุธปืนและสนับสนุนการพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง, 215 และ 225เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันแม้ว่าความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น"

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ อาวุธปืนของกลางเป็นของผิดกฎหมายจึงให้ริบนอกนั้นไม่ริบ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th