คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3925/2542
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. ตาราง 6
ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกัน การกำหนดค่าทนายความต้องถือเอาค่าทนายความในอัตราที่สูงกว่าเป็นหลัก เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ 24,500 บาท ซึ่งมีอัตราค่าทนายความชั้นสูงในศาลอุทธรณ์ 600 บาทแต่ในส่วนคดีไม่มีทุนทรัพย์มีอัตราค่าทนายความชั้นสูงในศาลอุทธรณ์ 1,500 บาท ดังนั้นต้องถือเอาอัตราค่าทนายความที่สูงกว่ามาใช้บังคับ
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถวซึ่งให้จำเลยเช่าครบกำหนดตามสัญญาเช่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อ ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวดังกล่าว และให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายก่อนฟ้อง 7 เดือนเป็นเงิน 28,000 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 4,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกจากตึกแถวของโจทก์
จำเลยให้การว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์เพียง 28,000 บาท อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงพระนครใต้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกและขนย้ายทรัพย์สินออกจากตึกแถว ให้ชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 24,500 บาท และชำระค่าเสียหายเดือนละ 3,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารออกและขนย้ายทรัพย์สินจากตึกแถวพิพาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นคดีทีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกัน การกำหนดค่าทนายความต้องถือเอาค่าทนายความในอัตราที่สูงกว่าเป็นหลักเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มีเพียง 24,500 บาท ซึ่งมีอัตราค่าทนายความชั้นสูงในศาลอุทธรณ์600 บาท แต่ในส่วนคดีไม่มีทุนทรัพย์มีอัตราค่าทนายความชั้นสูงในศาลอุทธรณ์1,500 บาท เช่นนี้ ต้องถือเอาอัตราค่าทนายความในคดีไม่มีทุนทรัพย์ซึ่งมีอัตราสูงกว่ามาใช้บังคับ ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์เป็นเงิน 2,000 บาท จึงสูงกว่าอัตราขั้นสูงตามกฎหมาย ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้แม้จำเลยจะมิได้ฎีกา"
พิพากษายืน แต่ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย สมาน โกเมนกุล จำเลย - นาง พิมพา อริยปิติพันธ์
ชื่อองค์คณะ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ผล อนุวัตรนิติการ สายันต์ สุรสมภพ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan