ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันยักยอกเงินของผู้เสียหายจำนวน 898,914.76 บาท ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยทั้งสามตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352,353 และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์ในส่วนแพ่งขาดอายุความและเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้พิพากษายกฟ้องคดีส่วนแพ่งด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ฎีกา

ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ร่วมมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ คำฟ้องโจทก์ตอนต้นได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ แล้วบรรยายถึงหน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเพชรบุรีจังหวัดพาณิชย์ จำกัด จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพนักงานขายของบริษัทดังกล่าวตามหน้าที่ ได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 898,914 บาท 76 สตางค์ ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเสียโดยทุจริต แล้วบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุ ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องเช่นนี้ จำเลยสามารถจะเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่า เงินที่ถูกยักยอกไปเป็นเงินของแผนกใด และเบียดบังเอาเงินไปโดยวิธีการอย่างไร ฟ้องโจทก์ก็หาเคลือบคลุมไม่ เพราะสารสำคัญของคำฟ้องอยู่ที่ว่า จำเลยได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินของผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบและดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปโดยทุจริตจริงหรือไม่ เป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งสารสำคัญเหล่านี้โจทก์ได้บรรยายไว้โดยครบถ้วนแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างนั้นเป็นข้อเท็จจริงซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบแสดงในชั้นพิจารณา และจำเลยซึ่งนำสืบในภายหลังก็สามารถจะนำสืบแก้ได้อยู่แล้ว หาได้เสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใดไม่ ดังนี้คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ได้วินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์หรือไม่ จึงไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังขึ้น

พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาในปัญหาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th