ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์ตัดสินต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ที่หาว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ว่า หลวงยุทธสารฯ เป็นคนโกงเอาสัญญาปลอมมาฟ้องนายจุ้ย จะต้องฟ้องให้หลวงยุทธสารฯ ติดคุกไม่ต่ำกว่า ๓ ปี นั้นยังไม่มีผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ม.๒๘๒ โดยศาลเดิมไม่เชื่อพะยานโจทก์ว่าจำเลยได้กล่าวถ้อยคำดังนั้น แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้จำเลยจะกล่าวจริง ก็เป็นใจความที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรม โจทก์ฎีกาอ้างว่าเป็นปัญหาในข้อกฎหมายต่อมา จึงมีปัญหาว่าจะควรรับฎีกาไว้พิจารณาหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า การวินิจฉัยข้อความที่พูดหรือเขียนว่าจะเป็นหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา ม.๒๘๒ หรือไม่นั้น ในชั้นต้นเป็นปัญหาในข้อกฎหมายซึ่งศาลจะต้องแปลว่าเป็นการใส่ความเขาอันอาจจะให้เสียชื่อเสียงหรืออาจให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังหรือไม่ ถ้าตามข้อความเห็นได้ว่าเป็นการใส่ความแล้ว รูปคดีก็เข้าในลักษณความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงใด ๆ ในการแปลนั้น แต่ถ้าข้อความนั้นยังไม่พอเป็นการใส่ความแล้ว คดีมีเหตุผลซึ่งจะทำให้ผู้ฟังผู้อ่านแปลความเป็นพิเศษออกไป จนถึงเป็นการใส่ความหมิ่นประมาทเขาหรือไม่แล้ว เป็นปัญหาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องพิจารณาจากพะยานหลักฐานในสำนวน
ในคดีนี้ข้อความที่จำเลยพูดเป็นข้อความใส่ความหมิ่นประมาทอยู่ในตัวพอแล้ว ไม่ต้องมีเหตุผลพิเศษมาประกอบฎีกาของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควรรับไว้พิจารณา แลถ้าตามหลักฐานพะยานฟังได้ว่า จำเลยกล่าวข้อความนั้นแก่บุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปแล้ว รูปคดีก็เป็นผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ม .๒๘๒ แต่ศาลอุทธรณ์ยังหาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันนี้ไม่ จึงตัดสินยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และย้อนสำนวนให้พิจารณาพิพากษาใหม่ตามกฎหมายที่กล่าวข้างต้น
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









