คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2542
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 850 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 276, 296
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล โดยจำเลยที่ 1 ตกลงผ่อนชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใด บังคับคดีได้ทันที กำหนดให้จำเลยที่ 1 ชำระให้ทนายโจทก์ที่สำนักงาน งวดแรกชำระในวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 แต่จำเลยที่ 1 กลับชำระในวันที่ 30 พฤษภาคม 2540โดยโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ผ่านทางธนาคารครบถ้วนตามข้อตกลง แม้จะชำระเงินครบถ้วนดังกล่าว ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากการตกเป็นผู้ผิดนัดเพราะชำระหนี้ล่วงเลยกำหนด ทั้งชำระผิดสถานที่ที่ระบุไว้อันเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 เอง การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย แม้ว่าจำนวนหนี้ตามหมายบังคับคดีมากกว่าความเป็นจริงเนื่องจากมีการชำระหนี้ไปบ้างแล้วศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องไม่เป็นเหตุที่จำเลยที่ 1 จะขอยกเลิกหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดีได้
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ร่วมกันชำระหนี้ 529,258 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 528,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แล้วโจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยทั้งสองยอมชำระเงิน 529,258 บาทให้แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวด งวดละไม่น้อยกว่า 30,000 บาท เริ่มผ่อนชำระงวดแรกภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 งวดต่อไปทุกวันที่ 15 ของเดือนถัดไปและจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2541 โดยจะนำไปชำระให้แก่ทนายโจทก์ที่สำนักงานถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินงวดแรกตามกำหนด โจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ไปแล้ว30,000 บาท คำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดีของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำพิพากษาได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินงวดแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 แต่จำเลยที่ 1 ได้ชำระงวดแรกวันที่ 30 พฤษภาคม 2540ถือว่าจำเลยเป็นผู้ผิดนัดไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา แต่เมื่อโจทก์รับว่าได้รับชำระหนี้ไว้แล้วจากจำเลยที่ 1 จำนวน 30,000 บาท จึงต้องนำไปหักจากยอดหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีอำนาจที่จะบังคับได้ทันทีในยอดเงินจำนวน 499,258 บาทซึ่งเป็นยอดเงินที่ค้างชำระ ดังนั้น จึงให้แก้ไขหมายให้ถูกต้อง แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการบังคับคดีรายนี้ชอบหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่า มูลคดีเดิมเป็นเรื่องซื้อขายจำนวนหนี้ 529,258 บาท ต่อมาคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลตกลงผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวเป็นงวด ๆหากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใด บังคับคดีได้ทันที งวดแรกชำระในวันที่ 15 พฤษภาคม 2540แต่จำเลยที่ 1 กลับชำระในวันที่ 30 พฤษภาคม 2540 โดยโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ผ่านทางธนาคารเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ครบถ้วนตามข้อตกลง แม้จะมีการชำระเงินครบถ้วนดังกล่าว ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นจากการตกเป็นผู้ผิดนัด เพราะจำเลยที่ 1ชำระหนี้ล่วงเลยกำหนด ทั้งชำระผิดสถานที่ที่ระบุไว้อันเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 เองการที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่ปรากฏว่าจำนวนหนี้ตามหมายบังคับคดีมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมีการชำระหนี้ไปบ้างแล้ว ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ไม่เป็นเหตุที่จำเลยที่ 1จะขอยกเลิกหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดีได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง มัณฑนา ประหยัดผล จำเลย - นาย สกุลเทพ เมล์ลุสกุล กับพวก
ชื่อองค์คณะ สุวัตร์ สุขเกษม จรัญ หัตถกรรม ชนะ ภาสกานนท์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan