ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 3946 ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่แก่โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายวันละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1เพราะโจทก์ได้ร่วมกับนายทองฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1902/2529 ขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ประพฤติเนรคุณ ขอเพิกถอนการให้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2529 ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 2132/2529 ของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์แต่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นฟ้องซ้อน ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ โจทก์แถลงรับว่าปัจจุบันโฉนดที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เพียงคนเดียวไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เดิมโจทก์ได้ร่วมกับนายทองฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1902/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งว่า โจทก์ประพฤติเนรคุณ ขอให้ถอนการให้โดยเสน่หาในโฉนดที่ดินพิพาทศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลย จำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะฟ้องแย้งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อสอบข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานโจทก์ ส่วนจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 2132/2529โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 1 ให้การรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาทแต่โจทก์ประพฤติเนรคุณ จึงฟ้องแย้งขอถอนการให้โดยเสน่หาในที่ดินพิพาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟ้องโจทก์ว่า ฟ้องเคลือบคลุมและยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าฟ้องเดิมตกไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อไม่มีฟ้องเดิมแล้วฟ้องแย้งของจำเลยจึงตกไปด้วย จำเลยจะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เฉพาะในเรื่องฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย ดังนี้ เห็นว่า เมื่อฟ้องโจทก์ถูกยกฟ้องเสียแล้ว ฟ้องแย้งจำเลยก็ตกไปด้วย จึงไม่มีคำฟ้องใดที่ศาลอีก ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้อีก ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโจทก์ต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th