สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3960/2529

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ADMIN 3960/2529

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 84, 265 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192, 222

คดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมายในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา222 บัตรประจำตัวประชาชนของกลางเป็นเอกสารปลอมเกิดขึ้นเพราะจำเลยเป็นผู้ดำเนินเรื่องโดยจำเลยเป็นต้นตอและให้ความร่วมมือจำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าวดังนี้จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารและเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารนั้นด้วยความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารจึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสารศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสารแต่เพียงบทเดียว.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว เชื้อชาติจีน สัญชาติจีนกับพวกซึ่งหลบหนีได้ร่วมกันปลอมบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเอกสารราชการทั้งฉบับโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 83 และริบของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยใช้ให้ผู้อื่นทำเอกสารหมาย จ. โดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นการปลอมเอกสาร แม้ว่าฟ้องโจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการแต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดก็ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาไม่แตกต่างกันในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84, 265 จำคุก 3 ปี ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า ความผิดครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของจำเลยผู้เป็นต้นตอและให้ความร่วมมือ จำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าว มีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมเอกสารดังโจทก์ฟ้อง ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญาทั้งมาตรา 83 และ 84 แต่เห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นวางมาสูงเกินไป พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยฎีกาคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ 2. ในปัญหาที่ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 ประกอบด้วยมาตรา 83 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสาร ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 83 และ 84 นั้น เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หรือไม่ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ส่วนฎีกาข้ออื่นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คงมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาเพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 83 และ 84 นั้นเป็นการขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หรือไม่ ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 พิเคราะห์แล้วคดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า บัตรประจำตัวประชาชนของกลางตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมซึ่งเกิดขึ้นเพราะจำเลยเป็นผู้ดำเนินเรื่องทั้งสิ้น ความผิดครั้งนี้จึงเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของจำเลยผู้เป็นต้นตอและให้ความร่วมมือ จำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าว มีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมเอกสารราชการดังโจทก์ฟ้องต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญาทั้งมาตรา 83 และ 84 เห็นว่าเมื่อฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารและเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารนั้นด้วย ความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารจึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสาร ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษแก่จำเลยมาทุกบทจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขปรับบทให้ถูกต้องโดยให้จำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 83 แต่เพียงบทเดียวเมื่อศาลฎีกาแก้ไม่ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 84 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว คดีก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หรือไม่ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265ประกอบด้วยมาตรา 83 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา ADMIN

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ กรมอัยการ จำเลย - นาง มุ่ยยี่ หรือมุ้ยยี่ หรือ มาลี แซ่ตั้ง

ชื่อองค์คณะ สหัส สิงหวิริยะ เสวก จันทร์ผ่อง สุทิน นนทแก้ว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE