คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3961/2563
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 20 พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ม. 12 (1), 15
พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (1) บัญญัติบทลงโทษในความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบไว้ว่า "ให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง" ซึ่งคำว่า "อีกโสดหนึ่ง" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้คำจำกัดความไว้ว่า หมายถึง กระทงความส่วนหนึ่งโดยมิใช่บทบังคับให้ศาลต้องลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ จึงเท่ากับกฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วย แต่ถ้าศาลเห็นสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่จำต้องลงโทษปรับด้วยก็ได้ ตาม ป.อ. มาตรา 20 สำหรับเงินสินบนนำจับนั้น ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 15 ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับและไม่สั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 9, 10, 12, 15 ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3116/2558 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 12 (1) จำคุก 4 เดือน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3116/2558 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ เป็นจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง แต่ไม่ริบบัตรเบิกถอนเงินสด 3 ใบ และเงินสดของกลางโดยให้คืนแก่เจ้าของ ยกคำขอที่ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าพนักงานตำรวจร่วมกันจับกุมจำเลยพร้อมยึดเงินสด 12,024 บาท และโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 0746 xxxx เป็นของกลาง
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (1) บัญญัติบทลงโทษในความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบไว้ว่า "ให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขี้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง" ซึ่งคำว่า "อีกโสดหนึ่ง"ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้คำจำกัดความไว้ว่า หมายถึงกระทงความส่วนหนึ่งโดยมิใช่บทบังคับให้ศาลต้องลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ จึงเท่ากับกฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วย แต่ถ้าศาลเห็นสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่จำต้องลงโทษปรับด้วยก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 สำหรับเงินสินบนนำจับนั้น ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการพนันฯ ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับและไม่สั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริง ตามข้อความสนทนาการรับพนันสลากกินรวบ แผ่นที่ 3 หน้าแรกและแผ่นที่ 4 หน้าแรกว่า มีการพนันและโอนเงินค่าพนันสลากกินรวบให้แก่จำเลยเพียง 3,150 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานอื่นว่าจำเลยรับเงินค่าพนันสลากกินรวบจำนวนอื่นอีกแสดงว่าจำเลยมิใช่ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบที่เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้รายใหญ่ แม้จำเลยจะมีประวัติการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าบ้านเปิดให้เล่นการพนันสลากกินรวบและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตมาก่อนก็ตาม แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขฟื้นฟูให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดีได้ เห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกเพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีและประกอบสัมมาชีพเลี้ยงครอบครัวต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ จึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง และกำหนดระยะเวลาในการรอการลงโทษให้นานขึ้น กับกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติจำเลยให้เหมาะสมแก่สภาพความผิดและพฤติการณ์แห่งคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 12 (1), 15 ให้ลงโทษปรับจำเลย 5,000 บาท อีกสถานหนึ่ง คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน และปรับ 3,333.33 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้งภายในกำหนด 2 ปี กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธาณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 48 ชั่วโมงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับแก่ผู้นำจับ ยกคำขอให้บวกโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.1399/2563
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดสกลนคร จำเลย - นาง ส.
ชื่อองค์คณะ ยงยุทธ แสงรุ่งเรือง กึกก้อง สมเกียรติเจริญ สรศักดิ์ จันเกษม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดสกลนคร - นายกมลศักดิ์ ชัยชนะวิชชกิจ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 - นายเชื้อชาย โพธิ์กลิ่น