สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3990/2529

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ADMIN 3990/2529

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ม. 42 ประมวลกฎหมายที่ดิน ม. 9, 108 ทวิ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158, 162 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96

ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ลงวันที่29กุมภาพันธ์2515มิได้บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา42ซึ่งบัญญัติว่า'บุคคลย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ' โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมือปีพ.ศ.2525ถึงวันที่25กันยายน2527เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดถือว่าฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาเกิดเหตุพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจำเลยจึงให้การรับสารภาพฟ้องโจทก์หาเคลือบคลุมไม่ ไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติว่าพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการไม่มีอำนาจสอบสวนและฟ้องคดีด้วยเหตุที่จำเลยยังทูลเกล้าฯถวายฎีกาอยู่ทั้งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้องซึ่งรวมตลอดถึงว่าคดีมีการสอบสวนโดยชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดี.

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี พ.ศ. 2525 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2527 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันอันเป็นเวลาภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับ จำเลยซึ่งมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้เข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารร้านค้าในที่ดินสาธารณประโยชน์ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดิน จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บา รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี กับให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดิน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาปัญหาข้อแรกว่าประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521มาตรา 42 ซึ่งบัญญัติว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ" จึงตกเป็นโมฆะ เห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวมิได้ปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์แต่อย่างใด จึงไม่มีทางที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังที่จำเลยฎีกาได้ จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่าโจทก์มิได้ระบุเวลา วันที่และเดือนที่จำเลยกระทำความผิดจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า เหตุเกิดเวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันส่วนที่ว่ามิได้ระบุวันที่และเดือนไว้นั้น ฟ้องโจทก์มีรายละเอียดไว้แล้วว่าเหตุเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2525 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2527 ถือได้ว่าพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จำเลยจึงให้การับสารภาพ ฟ้องโจทก์หาเคลือบคลุมไม่จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่าโจทก์ไม่มีสิทธิดำเนินคดี เพราะจำเลยยังใช้สิทธิร้องทุกข์โดยกราบบังคมทูลอยู่ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจะมีอำนาจสอบสวนและฟ้องต่อเมื่อการกราบถวายบังคมทูลมีผลแล้วเท่านั้น เห็นว่าไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติว่าพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจสอบสวนและฟ้องคดีด้วยเหตุคดีด้วยเหตุที่จำเลยฎีกาดังกล่าวอีกทั้งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ซึ่งรวมตลอดถึงว่าคดีมีการสอบสวนโดยชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา ADMIN

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ประจำศาลแขวง สุพรรณบุรี จำเลย - นาย ไชย แซ่ตั้ง

ชื่อองค์คณะ ดำริ ศุภพิโรจน์ อำนวย อินทุภูติ พลจิตต์ ดียืน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE