ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2515 นางสาวยุบล รัตนจักษ์ ซึ่งรับราชการเป็นอาจารย์สังกัดคณะมนุษยศาสตร์ของโจทก์ ได้รับอนุมัติจากโจทก์และสำนักนายกรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของโจทก์ในสมัยนั้น ให้ลาไปศึกษาต่อในวิชาภาษาศาสตร์ในขั้นปริญญาโท-เอก ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยได้รับเงินเดือนจากโจทก์ตลอดเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ลาศึกษาต่อ นางสาวยุบลได้ทำสัญญาให้ไว้ต่อโจทก์ว่า เมื่อเสร็จการศึกษาไม่ว่าการศึกษาจะสำเร็จหรือไม่ หรือถูกเรียกตัวกลับก่อน นางสาวยุบลจะรับราชการต่อกับโจทก์เป็นเวลาไม่น้อยกว่า2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุนหรือได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มหากผิดสัญญาดังกล่าว ยอมใช้คืนทุนและเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับอีกเท่าหนึ่ง หากนางสาวยุบลกลับมารับราชการบ้างเงินชดใช้คืนและเบี้ยปรับจะลดลงตามส่วน หากไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยได้เข้าทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของนางสาวยุบลไว้ต่อโจทก์ หลังจากทำสัญญาดังกล่าว นางสาวยุบลได้เดินทางไปศึกษาต่อ ณ ประเทศฝรั่งเศสตามที่ได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2515 และได้รับเงินเดือนจากโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2521 นางสาวยุบลขอลาศึกษาต่อโดยของดรับเงินเดือนจากโจทก์ และได้ศึกษาต่อตามสัญญาจนถึงวันที่ 22 มกราคม 2522 จึงได้กลับมารับราชการกับโจทก์จนถึงวันที่ 25 เมษายน 2522 แล้วนางสาวยุบลขอลากิจเป็นเวลา1 เดือน เพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อครบกำหนดแล้วนางสาวยุบลไม่กลับมารับราชการอีก โจทก์จึงมีคำสั่งไล่นางสาวยุบลออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2522 เป็นต้นไป นางสาวยุบลมีความผูกพันตามสัญญาต่อโจทก์ที่จะต้องกลับมารับราชการกับโจทก์เป็นเวลา 2 เท่าของเวลาที่รับทุนหรือได้รับเงินเดือนเป็นเวลา10 ปี 9 เดือน 28 วัน แต่นางสาวยุบลกลับมารับราชการกับโจทก์เพียง 3 เดือน 5 วัน แล้วหนีราชการไปเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาต่อโจทก์ นางสาวยุบลต้องรับผิดตามสัญญาดังกล่าวใช้คืนเงินทุนรวมทั้งเงินค่าเครื่องบินไปกลับ เงินเดือนและเงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพที่นางสาวยุบลได้รับไปจากโจทก์ในระหว่างที่ศึกษาต่อกับเบี้ยปรับอีก 1 เท่า รวมเป็นเงิน 558,941.22 บาท โจทก์ทวงถามให้นางสาวยุบลชำระหนี้ดังกล่าว แต่นางสาวยุบลเพิกเฉยนางสาวยุบลจึงผิดนัดและต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ตามสัญญาจนถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ย 510,266.74 บาท รวมเป็นเงินที่นางสาวยุบลจะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ 1,069,207.96 บาท จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 1,069,207.96 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15 ต่อปีของต้นเงิน 558,941.22 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นผู้ให้ทุนแก่นางสาวยุบลไปศึกษาต่อในภาควิชาภาษาศาสตร์ ในขั้นปริญญาโท-เอก ณ ประเทศฝรั่งเศส ทุนดังกล่าวเป็นทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่เคยค้ำประกันนางสาวยุบลในการปฏิบัติตามสัญญาหนี้ตามสัญญาครบกำหนดชำระตั้งแต่ปี 2521-2522 โจทก์ผ่อนเวลาให้แก่นางสาวยุบล โดยอนุมัติให้นางสาวยุบลทำการศึกษาต่อโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จำเลยจึงหลุดพ้นความรับผิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากจำเลย โจทก์ต้องเรียกให้นางสาวยุบลลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนและฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 621,354.24 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 355,059.57 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 960,647.14บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 411,705.92 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรมณ ต่างประเทศเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งนางสาวยุบลทำไว้กับโจทก์ข้อ 3และข้อ 4 ระบุว่า เมื่อนางสาวยุบลเสร็จการศึกษาหรือฝึกอบรมทั้งนี้ไม่ว่าการศึกษาหรือฝึกอบรมจะสำเร็จหรือไม่ หรือนางสาวยุบลถูกเรียกตัวกลับ นางสาวยุบลจะรับราชการต่อไปกับโจทก์หรือในกระทรวงทบวงกรมอื่นตามที่ทางราชการเห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุนหรือได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มทั้งนี้สุดแต่เวลาใดจะมากกว่ากัน ในกรณีที่นางสาวยุบลผิดสัญญาหรือไม่กลับมารับราชการด้วยเหตุใด ๆ นางสาวยุบลจะชดใช้คืนให้แก่โจทก์ซึ่งทุนและหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและหรือเงินอื่นใดทั้งสิ้นที่นางสาวยุบลได้รับจากทางราชการในระหว่างเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาหรือฝึกอบรม นอกจากนี้นางสาวยุบลจะจ่ายเงินเป็นเบี้ยปรับให้แก่โจทก์อีกจำนวนหนึ่งเท่ากับเงินที่นางสาวยุบลจะต้องชดใช้คืน ในกรณีที่นางสาวยุบลรับราชการบ้างแต่ไม่ครบเวลาดังกล่าว เงินที่ชดใช้คืนและเบี้ยปรับจะลดลงตามส่วนของเวลาที่นางสาวยุบลรับราชการไปบ้าง และระบุในข้อ 8 ว่าในการทำสัญญานี้นางสาวยุบลได้จัดให้จำเลยทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติและความรับผิดตามสัญญานี้ด้วยแล้วและสัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยทำไว้กับโจทก์เอกสารหมาย จ.5 ข้อ 1 มีข้อความระบุว่าตามที่นางสาวยุบลได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ประเทศฝรั่งเศส และได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2515นั้น จำเลยทราบและเข้าใจข้อความในสัญญาดังกล่าวนี้แล้วขอทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่า ถ้านางสาวยุบลผิดสัญญาดังกล่าวด้วยประการใด ๆ จำเลยยินยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามความรับผิดชอบของนางสาวยุบลตามสัญญาดังกล่าวทั้งสิ้นทุกประการ เห็นว่าข้อความตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 ประกอบกับสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ เอกสารหมาย จ.4 ดังกล่าวมีความหมายชัดเจนว่า จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติและความรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ที่นางสาวยุบลทำกับโจทก์ โดยเมื่อนางสาวยุบลเสร็จการศึกษาที่นางสาวยุบลได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาด้วยทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส หรือนางสาวยุบลถูกเรียกตัวกลับ และนางสาวยุบลไม่กลับมารับราชการกับโจทก์หรือกระทรวงทบวงกรมอื่นตามที่ทางราชการเห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส หรือที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มสุดแต่เวลาใดจะมากกว่ากัน หรือนางสาวยุบลกลับมารับราชการบ้างแต่ไม่ครบกำหนดเวลาดังกล่าว และนางสาวยุบลไม่ชดใช้ทุนและหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยยินยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามความรับผิดชอบของนางสาวยุบลทั้งสิ้นเท่านั้น ส่วนที่หลังจากครบกำหนด 3 ปี9 เดือนที่นางสาวยุบลได้รับทุนของรัฐบาลฝรั่งเศสไปศึกษาต่อแล้ว นางสาวยุบลได้ขอลาศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวหลายครั้ง และโจทก์อนุมัติให้นางสาวยุบลลาศึกษาต่อโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบนั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันการลาศึกษาต่อเพิ่มเติมของนางสาวยุบลต่อโจทก์อีกแต่อย่างใด จำเลยจึงคงมีความรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 เพียงสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาของนางสาวยุบลสำหรับการลาไปศึกษาต่อประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 ปี 9 เดือน ด้วยทุนของรัฐบาลฝรั่งเศสเท่านั้นมิใช่ต้องรับผิดค้ำประกันการลาไปศึกษาต่อด้วยทุนของรัฐบาลฝรั่งเศสและทุนส่วนตัวของนางสาวยุบลรวมเป็นเวลา 6 ปี 3 เดือน 19 วันแล้ววินิจฉัยต่อไปว่า สำหรับทุนที่นางสาวยุบลจะต้องรับผิดคืนให้แก่โจทก์นั้น ปรากฏตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาฝึกอบรมและดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 ว่า หมายความถึงเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ฝึกอบรมหรือดูงาน และเพื่อการครองชีพระหว่างศึกษา ฝึกอบรมหรือดูงาน และหมายความรวมตลอดถึงเงินค่าพาหนะเดินทางเพื่อการนี้ด้วย นางสาวยุบลจึงต้องรับผิดใช้คืนเงินทุนที่ได้รับจากรัฐบาลฝรั่งเศสและค่าเครื่องบินทั้งขาไปศึกษาต่อและขากลับจากการศึกษาต่อให้แก่โจทก์รวมทั้งเงินเดือนที่นางสาวยุบลได้รับไปจากโจทก์ในระหว่างเวลาดังกล่าว ซึ่งนางสาวยุบลได้รับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นทุนการศึกษาทั้งสิ้น 35,750ฟรังก์ฝรั่งเศส คิดเป็นเงินไทย 139,067.50 บาท กับค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-ฝรั่งเศส จำนวน 16,363.55 บาท และได้รับเงินเดือนจากโจทก์ตลอดระยะเวลาที่ลาไปศึกษาต่อตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2515ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2518 เป็นเวลา 3 ปี 9 เดือน เป็นเงิน 87,662.25บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 243,093.30 บาท นางสาวยุบลต้องกลับมารับราชการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุนคือ 7 ปี6 เดือน หรือ 2,738 วัน แต่นางสาวยุบลกลับมารับราชการเพียง94 วัน นางสาวยุบลจึงมีความผูกพันตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4ข้อ 4 ต้องชดใช้เงินจำนวน 243,093.30 บาทให้แก่โจทก์ พร้อมเบี้ยปรับอีกเท่าหนึ่งรวมเป็นเงิน 486,186.60 บาท แต่โดยที่นางสาวยุบลได้กลับมารับราชการบ้างเป็นเวลา 94 วัน นางสาวยุบลจึงได้ลดเงินที่ต้องชดใช้คืนและเบี้ยปรับดังกล่าวลงตามส่วนของเวลาที่นางสาวยุบลได้กลับมารับราชการ โดยต้องใช้เงินทุนค่าเครื่องบินไปกลับและเงินเดือนคืนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 234,747.51 บาท กับเบี้ยปรับอีก 1 เท่าของจำนวนเงินดังกล่าวรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 469,495.02 บาทซึ่งเมื่อนางสาวยุบลไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันนางสาวยุบลตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5จึงต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์

ส่วนที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ตามสัญญาในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 558,941.22 บาท นับตั้งแต่วันที่8 สิงหาคม 2523 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 6 ปี 1 เดือน 1 วัน นั้นเป็นการฟ้องให้จำเลยชำระดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 เดิม ซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี แม้จำเลยไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นที่โจทก์เรียกร้องเบี้ยปรับพร้อมดอกเบี้ยก่อนนำคดีขึ้นสู่ศาล แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยดังกล่าวขาดอายุความโจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกดอกเบี้ยค้างส่งนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 5 ปี จากจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยค้างส่งนับถึงวันก่อนวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปี รวมเป็นเงิน 352,121.26 บาทรวมเป็นเงินทุนค่าเครื่องบิน เงินเดือน เบี้ยปรับและดอกเบี้ยก่อนฟ้องที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 821,616.28 บาทและต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินจำนวน469,495.02 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จอีกด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 821,616.28 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 469,495.02 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th