ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 134,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 130,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลออกคำบังคับ ศาลชั้นต้นจึงออกคำบังคับส่งให้จำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะไม่ได้รับหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงเช็ค พิพาทไม่มีมูลหนี้ขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์คัดค้านว่า ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามฟ้องตรงกับหนังสือรับรองของจำเลยที่ 1 พนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบแล้ว จำเลยทั้งสองขอพิจารณาใหม่ด้วยเจตนาประวิงคดีไม่ชำระหนี้เช็คพิพาทมีมูลหนี้ต่อกันจริงขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ศาลชั้นต้นได้สั่งในคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2539 ว่า ให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายในกำหนด 5 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ และนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 23กรกฎาคม 2539 ปรากฏต่อมาตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมายร.1 ว่า ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องใหม่ หากไม่พบหรือไม่มีผู้รับแทนโดยชอบให้ปิดหมาย เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกศาลชั้นต้นได้ไต่สวนเรื่องการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าในวันที่ 19กรกฎาคม 2539 มีการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้โดยชอบแล้วตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ร.3
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 11 กันยายน โดยปิดประกาศหน้าศาลเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 หรือไม่ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งจำเลยได้ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเรื่องนี้ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ และเห็นว่า ได้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดาไม่ได้ตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ร.1แล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งโดยวิธีปิดหมาย เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีธรรมดาไม่สามารถที่จะทำได้ จึงมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีอื่นแทนโดยการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ณ สถานที่ทำการอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคแรก การสืบพยานนัดแรกในวันที่ 11 กันยายน 2539ศาลจึงมีคำสั่งให้ประกาศหน้าศาล โดยให้เหตุผลว่า เพราะการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งโดยวิธีการปิดหมาย การดำเนินการดังกล่าวเป็นอีกวิธีการหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 มีผลเช่นเดียวกับการปิดหมาย การนัดสืบพยานนัดแรกโดยประกาศหน้าศาลจึงชอบด้วยกฎหมาย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อสุดท้ายมีว่า การขาดนัดของจำเลยทั้งสองจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองกล่าวอ้างว่าจำเลยขาดนัดโดยไม่จงใจ จำเลยทั้งสองมีหน้าที่นำสืบ เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบแต่เพียงว่าไม่มีการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง โดยมิได้นำสืบถึงพฤติการณ์อย่างอื่นให้เห็น จึงฟังว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา








