สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4049/2566

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4049/2566

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 33 (1)

จำเลยทั้งหกใช้รถยนต์ของกลาง 4 คัน พาคนต่างด้าว 47 คน ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยไปส่งยังจุดหมายปลายทางที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย จึงเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะให้คนต่างด้าวนั่งโดยสารมาในรถด้วยเท่านั้น มิได้เป็นการใช้รถยนต์ของกลางเพื่อพาคนต่างด้าวหลบหนีให้พ้นจากการจับกุม หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจตามฟ้องของโจทก์โดยตรง รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยทั้งหกได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 58, 83 ริบรถยนต์ 4 คัน ของกลาง และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1530/2564 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ในคดีนี้

จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 4 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน บวกโทษจำคุก 4 เดือน ของจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1530/2564 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 10 เดือน ริบรถยนต์ของกลาง

จำเลยทั้งหกอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

จำเลยทั้งหกฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติตามที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้เถียงกันในชั้นนี้ว่า จำเลยทั้งหกกระทำความผิดตามฟ้อง ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งหกมีเพียงประการเดียวว่า รถยนต์ของกลางทั้งสี่คันเป็นทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบหรือไม่ เห็นว่า ทรัพย์สินที่ศาลมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ได้นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินซึ่งผู้กระทำความผิดได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยทั้งหกว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งหกใช้รถยนต์ของกลางทั้งสี่คันพาคนต่างด้าว 47 คน ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยไปส่งที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย อันเป็นกรณีที่จำเลยทั้งหกใช้รถยนต์ของกลางโดยสารพาคนต่างด้าว 47 คน ซึ่งลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วไปส่งยังจุดหมายปลายทาง จึงเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะให้คนต่างด้าวนั่งโดยสารมาในรถด้วยเท่านั้น มิได้เป็นการใช้รถยนต์ของกลางเพื่อพาคนต่างด้าวหลบหนีให้พ้นจากการจับกุม หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจโดยตรง ดังนั้น รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยทั้งหกได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์ของกลาง แต่ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.1991/2566

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย จำเลย - นาย น. กับพวก

ชื่อองค์คณะ บวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ วีรภัทร ไพบูลย์วัฒนกิจ กีรติ ตั้งธรรม

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดเชียงราย - นายสุทธิณัฐ ไชยเจริญ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 - นางสาวนิตยา วัฒนะชีวะกุล

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th