คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 68, 69, 288
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1ยิงปืนโต้ตอบไปผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลัง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนีแต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายที่ไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายแวดาแปหรือแวดาแม แนปีแน โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้นายแวดาแปหรือแวดาแมถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
นางตีเยาะมารดาผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1เพียงนัดเดียว ไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด เหตุเกิดเวลากลางวันและเวลาประมาณ 14 นาฬิกา ย่อมมองเห็นกันถนัด การที่จำเลยที่ 1 ยิงปืนโต้ตอบสวนไปก็จะต้องเป็นเวลาทันทีทันใดที่ผู้ตายยิงปืนมา กระสุนปืนที่จำเลยที่ 1 ยิงไปจะต้องถูกผู้ตายที่ด้านหน้าแต่ตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องปรากฏว่าผู้ตายมีบาดแผลกว้าง 3 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร ที่ด้านหลังเหนือเอวอยู่ในระดับชายโครงเยื้องไปทางขวาของลำตัวทะลุเข้าในช่องท้อง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนี แต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อนซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันทีเห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายที่ไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 3 ปี
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี โจทก์ - โจทก์ร่วม โจทก์ - นางตีเยาะ แนปีแน จำเลย - นายดอเลาะ นิเซ็ง กับพวก
ชื่อองค์คณะ ชลูตม์ สวัสดิทัต สนิท อังศุสิงห์ จรัญ สำเร็จประสงค์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan