ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินตามสัญญากู้ยืมจำนวน 818,451.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 646,979.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระต้นเงินกู้จำนวน 646,979.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามอัตราปรับเปลี่ยนตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศธนาคารโจทก์ คำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน 171,472.05 บาท รวมเป็นเงิน 818,451.86 บาทสำหรับดอกเบี้ยที่โจทก์ขอในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนั้นเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนขึ้นลงเป็นช่วง ๆ ตามภาวะเศรษฐกิจและตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น หากจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี คงที่ตลอดไปจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น ย่อมทำให้จำเลยทั้งสองรับภาระดอกเบี้ยสูงเกินควร จึงเห็นควรให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 818,451.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี ในต้นเงิน 646,979.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 2070 ตำบลหนองค้างพลู อำเภอหนองแขม กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบคำขอยื่นให้ยก

โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลในการลดดอกเบี้ยต่ำกว่าคำฟ้องจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ จึงให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้เถียงว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจลดดอกเบี้ยจากอัตราร้อยละ 19 ต่อปีลงเป็นร้อยละ 15 ต่อปี เนื่องจากดอกเบี้ยเป็นข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เงิน หาใช่เป็นเบี้ยปรับแต่อย่างใดไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย โจทก์ขออนุญาตยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาได้

พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ ต่อไป

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th