สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4126/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4126/2563

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 350, 352 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 35 วรรคสอง, 39 (2)

การยอมความในความผิดอันยอมความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสอง และมาตรา 39 (2) นั้น ต้องเป็นการยอมความที่กระทำภายหลังจากความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว มิใช่กระทำกันไว้ล่วงหน้าก่อนการกระทำความผิดเกิด เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งของศาลจังหวัดนครสวรรค์ โดยจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้ค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ หากจำเลยผิดนัด จำเลยตกลงส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ และศาลจังหวัดนครสวรรค์พิพากษาตามยอม ภายหลังจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลจังหวัดนครสวรรค์ออกหมายบังคับคดี ต่อมาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากโจทก์ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปจำนำไว้แก่บุคคลอื่น และไม่สามารถติดตามกลับคืนมาได้ เช่นนี้ การยอมความดังกล่าวข้างต้นจึงทำขึ้นก่อนที่จำเลยจะนำรถยนต์ที่เช่าซื้อจากโจทก์ไปจำนำไว้แก่บุคคลอื่นซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามฟ้องคดีนี้ ทั้งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวก็ไม่ปรากฏข้อความว่าโจทก์จำเลยตกลงยอมความในคดีส่วนอาญา สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งจึงไม่มีผลทำให้คดีอาญาระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 350, 90

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 (เดิม), 352 (ที่ถูก 352 วรรคหนึ่ง) (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานยักยอกซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลมีคำพิพากษาตามยอมตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ. 288/2558 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ต่อมาศาลออกหมายบังคับคดี โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์ที่บ้านจำเลยเลขที่ 96 จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อไปถึงจำเลยทำบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำรถยนต์ของโจทก์ไปจำนำให้แก่บุคคลอื่นจึงไม่อาจคืนรถยนต์ให้โจทก์ได้

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลจังหวัดนครสวรรค์มีคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดง ผบ. ที่ 288/2558 โดยจำเลยตกลงจะชำระเงินค่ารถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส - เบนซ์ 3,020,000 บาท จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงินเพียง 710,000 บาท ระหว่างผ่อนชำระจำเลยก็ผ่อนชำระไม่ตรงตามที่ตกลงกันเรื่อยมา ทั้งเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ จำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปจำนำได้เงิน1,080,000 บาท แต่จำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้โจทก์แต่อย่างใด โจทก์ให้โอกาสจำเลยผ่อนชำระเป็นเวลานับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นเวลานานถึง 2 ปีเศษ เหลือเงินที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์จำนวนสูงถึง 2,300,000 บาท จากการกระทำของจำเลยแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมมาตั้งแต่ต้นที่จะชำระเงินให้โจทก์จนครบถ้วน การกระทำของจำเลยเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อย่างร้ายแรงในทางธุรกิจ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพออันสมควรรอการลงโทษ ส่วนที่จำเลยอ้างว่า จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงิน 710,000 บาท และมีทรัพย์สินอื่นที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดได้ประเมินราคาเป็นเงิน 413,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,123,000 บาท เงินจำนวนนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่จำเลยได้ชำระให้โจทก์เป็นค่าเสียหายแล้วนั้น เห็นว่า จำเลยไม่ได้แสดงหลักฐานว่า โจทก์ได้รับเงิน 413,000 บาทแล้ว อีกทั้งราคาดังกล่าวก็เป็นเพียงราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่แน่ว่าเวลาขายทอดตลาดจะได้ราคาตามจำนวนดังกล่าวหรือไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่โจทก์จะได้รับ 413,000 บาท แน่นอน แต่กลับได้ความตามคำแก้ฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้เพียง 710,000 บาท ข้ออ้างของจำเลยจึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้และยักยอกทรัพย์ เพราะความผิดดังกล่าวระงับไปแล้วตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว และจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น 1,123,000 บาท เกินกว่าราคารถยนต์ที่มีราคาเพียง 1,080,000 บาท นั้น แม้ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้และความผิดฐานยักยอกทรัพย์จะเป็นความผิดอันยอมความได้ แต่การยอมความในความผิดอันยอมความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง และ มาตรา 39 (2) นั้น ต้องเป็นการยอมความกันที่กระทำภายหลังจากความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว มิใช่กระทำไว้ล่วงหน้าก่อนการกระทำความผิดเกิด เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ. 288/2558 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจำเลยตกลงชำระหนี้เป็นเงิน 3,020,000 บาท โดยผ่อนชำระให้แก่โจทก์ หากจำเลยผิดนัด จำเลยตกลงส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ และศาลจังหวัดนครสวรรค์พิพากษาตามยอมในวันที่ 31 มีนาคม 2558 ต่อมาจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลจังหวัดนครสวรรค์ออกหมายบังคับคดี วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากโจทก์ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปจำนำไว้แก่บุคคลอื่นเป็นเงิน 1,080,000 บาท และไม่สามารถติดตามกลับคืนมาได้ เมื่อคดีฟังได้เช่นนี้ การยอมความดังกล่าวข้างต้นจึงทำขึ้นก่อนที่จำเลยจะนำรถยนต์ที่เช่าซื้อจากโจทก์ไปจำนำไว้แก่บุคคลอื่นซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามฟ้องคดีนี้ นอกจากนี้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวที่โจทก์ทำกับจำเลยก็ไม่ปรากฎข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงยอมความในคดีส่วนอาญา จากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงดังกล่าวสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งจึงไม่มีผลทำให้คดีอาญาระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ฎีกาของจำเลยในปัญหาอื่นไม่เป็นสาระแก่คดีไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ใช้ดุลพินิจลดโทษให้แก่จำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีและเป็นประโยชน์แก่จำเลยมากอยู่แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.864/2563

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ม. จำเลย - นาง ด.

ชื่อองค์คณะ กษิดิ์เดช จีนสลุต ธราธร ศิลปโอสถ อดิศักดิ์ ปัตรวลี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแขวงนครสวรรค์ - นายชานนท์ ศรีสาตร์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 - นางปรารถนา ธรรมบำรุง

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE