ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 26,600 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2535 ฎีกาของจำเลยทั้งสองหน้าแรกมีข้อความซึ่งประทับด้วยตรายางของศาลชั้นต้นว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 15 เมษายน 2535 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" โดยมีลายมือชื่อผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยทั้งสองให้มายื่นฎีกาและรับทราบคำสั่งศาลเซ็นไว้ในช่องระหว่างคำว่า "(ลงชื่อ)" และคำว่า "ผู้ร้องหรือผู้ยื่น" ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2535 ให้รับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายและ "ให้จำเลยนำส่งภายใน 5 วัน ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด หากส่งไม่ได้ให้จำเลยแถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าทิ้งฟ้องฎีกา" ต่อมาวันที่4 พฤษภาคม 2535 เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีมีหนังสือรายงานศาลชั้นต้นว่า พ้นกำหนด 5 วัน นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองทราบคำสั่งแล้วจำเลยทั้งสองไม่มาดำเนินการนำส่งสำเนาฎีกา ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนมาศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นโจทก์ในชั้นฎีกาจัดการนำส่งสำเนาฎีกาให้อีกฝ่ายหนึ่งภายใน 5 วัน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งในวันหลังจากจำเลยทั้งสองยื่นฎีกา 1 วัน ก็ตาม การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยทั้งสองให้มายื่นฎีกาและรับทราบคำสั่งศาลลงลายมือชื่อทราบวันนัดให้มาฟังคำสั่งของศาลดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น ถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองยอมรับผูกพันตนเองว่าจะมาฟังคำสั่งในวันที่15 เมษายน 2535 ถ้าไม่มาก็ให้ถือว่าจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งแล้วนอกจากนี้ก็ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังกล่าวในฎีกาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2535 ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะถึงวันที่กำหนดให้จำเลยทั้งสองมาทราบคำสั่ง ฉะนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้มาฟังคำสั่ง ก็ถือว่าคำสั่งศาลนั้นได้ส่งให้จำเลยทั้งสองโดยชอบและจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2535ระยะเวลาสิ้นสุดที่จำเลยทั้งสองจะต้องนำส่งสำเนาฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้น คือวันที่ 20 เมษายน 2535 แต่ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2535 ว่า จำเลยทั้งสองเพิกเฉยมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาในกำหนดนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th