ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดลำปาง คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 26/2530 เป็นเงิน 382,736.06บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จำเลยที่ 2เป็นภรรยาของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นภริยาของบิดาจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2530 เวลากลางวันจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำผิดกฎหมายโดยเจตนาทุจริตกล่าวคือจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันโอนขายที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 115หมู่ที่ 2 ตำบลหลวงใต้ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ทั้งสองและถูกฟ้องต่อศาลแล้วทั้งนี้เพื่อมิให้โจทก์ทั้งสองได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เหตุเกิดที่สำนักงานที่ดินอำเภองาว ตำบลหลวงเหนืออำเภองาว จังหวัดลำปาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350, 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83 จำคุกคนละ 1 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยที่ 3ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ก่อนที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่เห็นสมควรวินิจฉัยก่อนว่าฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ชอบหรือไม่เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา แต่กล่าวถึงเรื่องการยักย้ายทรัพย์เพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ เพียงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันโอนขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยมิได้กล่าวว่าได้โอนขายที่ดินพิพาทไปให้แก่ผู้ใด เอกสารท้ายฟ้องก็ไม่มี ไม่อาจทราบได้ว่าใครเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาท จึงเป็นคำฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริง และรายละเอียดที่เกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นี้ แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นมาว่ากันในศาลล่างทั้งสอง แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ และแม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาถึงจำเลยที่ 1 แต่ปัญหาคำฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1ที่มิได้ฎีกาให้มิต้องถูกรับโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบ มาตรา 225

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th