ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352และให้คืนหรือชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 240,347 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยเป็นลูกจ้างผู้เสียหายมีหน้าที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าแล้วนำเงินมามอบให้ผู้เสียหาย จำเลยรับสินค้าจำนวน 28 รายการตามฟ้องไปจากผู้เสียหายแล้ว มิได้นำไปจำหน่ายแก่ลูกค้า แต่นำไปจำนำและขายฝากเป็นการเบียดบังทรัพย์สินของผู้อื่นที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยทุจริต

จำเลยฎีกาข้อแรกว่า พนักงานของผู้เสียหายไม่มีเงินเดือนแต่จะได้รับรายได้จากค่าคอมมิชชั่นของการขายและเปอร์เซ็นต์จากการขายเป็นรายเดือนดังนั้น จำเลยจึงไม่ใช่เป็นลูกจ้างผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เห็นว่า ไม่ว่าจำเลยจะเป็นลูกจ้างผู้เสียหายหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายแล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงไม่เป็นสาระสำคัญแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยมีว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งหรือไม่ โดยจำเลยอ้างว่าการที่จำเลยเบิกสินค้าที่อยู่ในความดูแลของผู้จัดการสาขาของผู้เสียหายแล้วนำไปขายให้ลูกค้า โดยจำเลยได้เงินตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นและได้เงินเปอร์เซ็นต์ แต่จะต้องส่งเงินที่ขายได้หรือเก็บได้ในราคาที่ทางบริษัทผู้เสียหายกำหนดจึงมิใช่กรณีจำเลยรับมอบสินค้าไว้แทนผู้เสียหาย แต่เป็นเรื่องผู้เสียหายขายสินค้าเชื่อให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนสินค้าหรือนำส่งเงินที่เก็บได้ให้แก่ผู้เสียหาย จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังเป็นยุติว่า ผู้เสียหายได้มอบสินค้าให้จำเลยนำไปจำหน่ายแก่ลูกค้า มิใช่เป็นการขายสินค้าจำนวน 28 รายการ ให้แก่จำเลยเมื่อจำเลยครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายแล้วเบียดบังเอาไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th