ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2555 ให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมและจำนองแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพัทยา เพื่อบังคับชำระหนี้โดยยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 11 กันยายน 2560 ว่า ที่ดินจำนองเป็นของผู้ร้อง โดยศาลจังหวัดพัทยามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 ให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนองคืนแก่ผู้ร้อง คดีอยู่ระหว่างจำเลยอุทธรณ์ จึงขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน ศาลชั้นต้นนัดพิจารณาคำร้องในวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ต่อมาวันที่ 18 กันยายน 2560 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินจำนองที่ยึด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายใน 7 วัน และวันที่ 19 กันยายน 2560 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดที่ดินจำนองในวันที่ 20 กันยายน 2560 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์รายนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ข.10/2558 (เมื่อปี 2558) แล้ว และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกคำร้อง (เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558) คดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว ยกคำร้อง เมื่อถึงวันนัดพิจารณาวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งให้งดการบังคับคดีที่ดินจำนองไว้ระหว่างที่คดีผู้ร้องกับจำเลยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนองยังไม่ถึงที่สุดแล้วขอถอนคำร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีที่ดินจำนองไว้ก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องทั้งฉบับลงวันที่ 11 กันยายน และ 19 กันยายน 2560 ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งคำร้องลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 อีก ส่วนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ลงวันที่ 18 กันยายน 2560 นั้น ผู้ร้องมิได้นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายในกำหนด ถือว่าไม่ติดใจที่จะขอให้ปล่อยทรัพย์อีกต่อไป ให้ยกคำร้อง

จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลจังหวัดพัทยา

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หากจำเลยไม่เห็นด้วยต่อคำสั่งของศาลจังหวัดพัทยา ให้จำเลยไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพัทยา ยกคำร้อง

จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลจังหวัดพัทยาอีกครั้ง อาศัยเหตุผลเดียวกับคำร้องฉบับเดิม

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ แล้วพิจารณาสั่งใหม่ตามรูปคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

ผู้ร้องฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่ผู้ร้องได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า จำเลยมีอำนาจยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2561 และวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลจังหวัดพัทยา และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2561 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อได้ความว่า ศาลล้มละลายกลางอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6289/2560 ในวันที่ 6 ธันวาคม 2560 ให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ดังนั้น นับแต่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจในการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 (3) จำเลยจึงไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยได้อีก การที่จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2561 และวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลจังหวัดพัทยา และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2561 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งคำสั่งต่าง ๆ ของศาลชั้นต้นอันสืบเนื่องมาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว แม้ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ของจำเลยจะยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลยและขอให้พิจารณาคดีต่อไป ก็หาทำให้กลับเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายในภายหลังไม่ จำเลยจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2561 และวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลจังหวัดพัทยา และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2561 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2561 และฉบับลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 และยกอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2561 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ผบ.(พ)78/2565

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th