สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 5, 6, 420, 421 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 280, 284, 288

ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาโจทก์และภริยาของลูกหนี้จำเลย ลูกหนี้จำเลยเป็นผู้ทำนาในที่พิพาทตลอดมาขณะที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่พิพาทโจทก์ก็อยู่ด้วย โจทก์มิได้คัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แต่ผู้เดียวและมิได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาแสดงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้จำเลยไม่อาจทราบได้ว่าที่พิพาทไม่ใช่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่จำเลยนำยึดที่พิพาทจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต มิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 143 ตำบลโคกโดด อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ โจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาจะขายที่แปลงนี้ให้แก่นายสมบูรณ์เป็นเงิน 33,000 บาท ปรากฏรายละเอียดตามสัญญาท้ายฟ้อง ต่อมาจำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของโจทก์เพื่อขายทอดตลาด โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของนายพิมพ์ลูกหนี้จำเลย โจทก์ได้ร้องคัดค้านและแจ้งให้จำเลยทราบถึงเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับนายสมบูรณ์ ขอให้จำเลยถอนการยึด จำเลยเพิกเฉย เป็นเหตุให้โจทก์ถูกปรับ10,000 บาท และขาดกำไรจากการขายเป็นเงิน 19,815 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 29,815 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์กับนายพิมพ์ นางเหรียญ จำเลยนำยึดเฉพาะส่วนของนายพิมพ์เท่านั้น จำเลยเชื่อและเข้าใจว่าที่พิพาทที่จำเลยนำยึดเป็นของนายพิมพ์เพราะนายพิมพ์เป็นผู้ครอบครองทำนาในที่พิพาทตลอดมา จำเลยนำยึดโดยใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต จึงไม่เป็นละเมิด คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ แต่เห็นว่าจำเลยนำยึดโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฯลฯ คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาเพียงว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นการละเมิดหรือไม่ ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาโจทก์และนางเหรียญภริยานายพิมพ์ลูกหนี้จำเลยนายพิมพ์เป็นผู้ทำนาพิพาทตลอดมาขณะที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่พิพาท โจทก์นี้ได้อยู่ในขณะนั้นด้วย ในการยึดทรัพย์โจทก์มิได้คัดค้านว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว ทั้งมิได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของที่พิพาทมาแสดงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดูและแจ้งให้ทราบว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้จำเลยไม่อาจทราบได้ว่าที่พิพาทไม่ใช่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ฟังได้ว่าการที่จำเลยนำยึดที่พิพาทเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต มิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายจำปา ไชยเลิศ จำเลย - นายวิเนตร ใจดี

ชื่อองค์คณะ ชุบ วีระเวคิน สงวน สิทธิไชย พัลลภ เสถียรธรรมกิจ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE