สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2525

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2525

ประมวลรัษฎากร ม. 78, 89, 89 ทวิ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 28) พ.ศ.2511 ม. 4 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 43) พ.ศ.2516 ม. 9 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ.2517 ม. 3 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีการค้า (ฉบับที่ 57) พ.ศ.2518 ม. 3

การที่พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ฯ(ฉบับที่ 28)พ.ศ.2511 และ (ฉบับที่ 57) พ.ศ.2518 นำคำว่า'นอกจากมันเนย' ไปต่อท้ายคำว่า'เนย' แสดงว่าพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลรัษฎากรถือว่า 'เนย' มีความหมายถึง'มันเนย' ด้วย จึงกำหนดข้อยกเว้นไว้ในพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ประสงค์จะเก็บภาษีการค้าสำหรับมันเนยในอัตราร้อยละ 1.5 ของรายรับฉะนั้นโจทก์นำสินค้ามันเนยเข้ามาในราชอาณาจักรช่วงเวลาที่พระราชกฤษฎีกา ฯ (ฉบับที่43) พ.ศ.2516 ซึ่งไม่ได้กำหนดยกเว้นสำหรับสินค้ามันเนยไว้บังคับโจทก์จึงต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ 7 ของรายรับ

โจทก์ผู้นำเข้ามีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องยื่นแสดงรายการค้าเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้อง เมื่อโจทก์ยื่นแสดงรายการค้าเพื่อเสียภาษีไม่ถูกต้องหรือผิดพลาด ทำให้จำนวนที่ต้องเสียภาษีคลาดเคลื่อน เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจเรียก ให้โจทก์เสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89,89 ทวิ

การที่โจทก์เสียภาษีนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากร โดยสำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการค้าแล้วมิได้หมายความว่าโจทก์ได้ชำระภาษีการค้าตามใบแจ้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินโดยถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินในภายหลังว่าโจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้อง โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมายไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำสินค้ามันเนยเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเสียภาษีการค้าอัตราร้อยละ 1.5 ของรายรับ ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้แจ้งการประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้า เงินเพิ่ม เบี้ยปรับ และภาษีเทศบาล รวมเป็นเงิน107,472.33 บาท โดยอ้างว่าโจทก์ชำระภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 1.5 ของรายรับไม่ถูกต้องโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 7 ของรายรับตามบัญชี 1 หมวด 1(3) ท้าย พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 43) พ.ศ. 2516 โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้พิจารณาและวินิจฉัยลดเบี้ยปรับและภาษีบำรุงเทศบาลให้โจทก์บางส่วน โจทก์เห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยของจำเลยทั้ง 4 ไม่ถูกต้องเพราะมันเนยไม่ใช่เนย เนยแข็ง หรือเนยเทียมอันเป็นสินค้าตามบัญชี ที่ 1 หมวด 1(3) นอกจากนี้จำเลยไม่มีอำนาจสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับเพราะโจทก์เสียภาษีตามพิกัดอัตราศุลกากรตามอัตราที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับกรมศุลกากรจัดพิมพ์ขึ้นให้เสียในอัตราร้อยละ 1.5 ของรายรับ และเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบถูกต้องแล้ว ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์นำสินค้ามันเนยเข้ามาในราชอาณาจักรในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2517 อันเป็นเวลาที่พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 43) พ.ศ. 2516 ใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มิได้ยกเว้นมันเนยให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 1.5 ดังเช่นฉบับที่ 28 และฉบับที่ 57 โจทก์จึงต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับเนยเพราะมันเนยก็คือเนย แม้โจทก์นำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากรแล้วเมื่อปรากฏว่าโจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจเรียกเก็บให้ถูกต้องการประเมินและคำวินิจฉัยของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน2517 โจทก์นำสินค้ามันเนยเข้ามาในราชอาณาจักรโดยโจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการค้าเพื่อเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 1.5 ของรายรับ ปัญหาว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับมันเนยในอัตราร้อยละ 1.5 หรือ ร้อยละ 7 ของรายรับ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายประมวลรัษฎากร ลักษณะ 2 หมวด 4 ประเภทการค้า 1 การขายของชนิด (ก) ระบุว่า ผู้นำเข้าจะต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 7 ของรายรับ ดังนั้นโดยปกติโจทก์จะต้องเสียภาษีในอัตราดังกล่าวเว้นแต่จะมีพระราชกฤษฎีกายกเว้นหรือลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าชนิดนั้น คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าระหว่างที่โจทก์นำมันเนยเข้ามาในราชอาณาจักร มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 43) พ.ศ. 2516 มาตรา 9 บัญญัติให้สินค้าที่มิได้ระบุไว้ในบัญชีที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เฉพาะที่นำเข้าราชอาณาจักรเสียภาษีการค้าร้อยละ 1.5 ของรายรับและตามบัญชีที่ 1 หมวด 1(3)ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ได้ระบุถึงเนย เนยแข็ง เนยเทียม ฯลฯ มีปัญหาว่าคำว่า "เนย" จะมีความหมายรวมถึงมันเนยด้วยหรือไม่ เห็นว่า ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 ให้ความหมายของคำว่า เนย ไว้ว่าคือ น้ำมันที่ทำจากน้ำนมสัตว์มีทั้งข้นและแข็ง ฉะนั้นตามพจนานุกรมนี้ทั้งเนยและมันเนยก็คือน้ำมันที่ทำจากน้ำนมสัตว์ประกอบกับต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ได้มีพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 57) พ.ศ. 2518มาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน (3) ของหมวด 1 ในบัญชีที่ 1 แห่งบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทนว่า " (3) ผงชูรสผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ครีม เนยแข็ง เนยเทียม เนยนอก จากมันเนย" และมีบันทึกเหตุผลในการออกพระราชกฤษฎีกานี้ไว้ตอนท้ายว่า เพื่อลดอัตราภาษีการค้าสำหรับสินค้ามันเนยจากร้อยละ 7 ของรายรับลงเหลือ 1.5 ของรายรับ ทั้งเมื่อปี พ.ศ. 2511 ก็เคยออกพระราชกฤษฎีกาทำนองนี้มาครั้งหนึ่ง คือพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 28)พ.ศ. 2511 มาตรา 4 การที่พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2511 และ (ฉบับที่ 57)พ.ศ. 2518 นำคำว่า "นอกจากมันเนย" ไปต่อท้ายคำว่า "เนย" แสดงว่าพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลรัษฎากรถือว่า เนยมีความหมายถึงมันเนยด้วย จึงกำหนดข้อยกเว้นไว้ในพระราชกฤษฎีกา เมื่อประสงค์จะเก็บภาษีการค้าสำหรับมันเนยในอัตราร้อยละ 1.5ของรายรับ ฉะนั้นโจทก์นำสินค้ามันเนยเข้ามาในราชอาณาจักรช่วงเวลาที่ใช้พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 43) พ.ศ. 2516 ซึ่งไม่ได้กำหนดยกเว้นสำหรับสินค้ามันเนยไว้บังคับ โจทก์จะต้องเสียภาษีการค้าสำหรับสินค้ามันเนยร้อยละ 7 ของรายรับ หาใช่ร้อยละ 1.5 ดังที่โจทก์ฎีกาไม่

โจทก์ผู้นำเข้ามีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องยื่นแสดงรายการค้าเพื่อเสียภาษีการค้าให้ถูกต้อง เมื่อโจทก์ยื่นแสดงรายการค้าเพื่อเสียภาษีไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อน เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจเรียกให้โจทก์เสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89, 89 ทวิ การที่โจทก์เสียภาษีนำสินค้าผ่านพิธีการศุลกากร โดยแจ้งสำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการค้าแล้ว ก็มิได้หมายความว่าโจทก์ได้ชำระภาษีการค้าตามใบแจ้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินในภายหลังว่าโจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้อง โจทก์หาพ้นจากหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมายไม่

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัดเสรีวัฒน์ ฯ จำเลย - กรมสรรพากร กับพวก

ชื่อองค์คณะ บรรเทอง ภู่กฤษณา ชลูตม์ สวัสดิทัต สุรัช รัตนอุดม

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE