คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273 - 4274/2534
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 420 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 46, 47
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในความผิดฐานปลอมเอกสารเมื่อคดีอาญาดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ปลอมเอกสาร ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่ว่าจำเลยได้ปลอมเอกสารหรือไม่ ซึ่งเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา โจทก์จึงต้องผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าว คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏผลของคดีในส่วนอาญาว่าเป็นประการใด ศาลจะต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏจากพยานหลักฐานในสำนวน.
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์โดยร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิมีข้อความเป็นเท็จแล้วนำสืบอ้างเป็นพยานต่อศาล และร่วมกันอ้างและนำสืบจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 อันเป็นการอ้างและนำสืบพยานบุคคลอันเป็นเท็จในคดีหมายเลขแดงที่ 4198/2523 ของศาลชั้นต้น นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้เบิกความเป็นพยานในคดีดังกล่าวอันเป็นเท็จในประเด็นสำคัญด้วย จากการกระทำของจำเลยทั้งห้าทำให้ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาหลงเชื่อพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3เป็นเงิน 188,214,576.33 บาท จากการกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 5เป็นเงิน 191,842,765.15 บาท ขอให้จำเลยทั้งห้าใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งห้าให้การว่า เอกสารตามฟ้องเป็นเอกสารที่แท้จริงและถูกต้อง จำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 เบิกความไปตามความเป็นจริง มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเป็นฟ้องซ้ำ และดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ตามคดีหมายเลขดำที่ 17361/2525 และฟ้องจำเลยที่ 4 และที่ 5ตามคดีหมายเลขดำที่ 12077/2526 ต่อศาลอาญาในข้อหานำสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เบิกความเท็จ ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม ดังนั้นในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งที่ว่าจำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันปลอมเอกสารหรือไม่ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46แต่ข้อเท็จจริงในสำนวนคงปรากฏผลเฉพาะคดีหมายเลขดำที่ 17361/2525เท่านั้นว่าคดีถึงที่สุดโดยศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเอกสารดังกล่าวมิใช่เอกสารปลอม คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 โจทก์จึงผูกพันตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มิได้ปลอมเอกสาร ส่วนคดีหมายเลขดำที่ 12077/2526 ไม่ปรากฏผลของคดีเป็นประการใด จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งห้ากระทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ กรุงเทพ เคหะ จำกัด จำเลย - นาย ชัยกิจ ดีสมโชค กับพวก
ชื่อองค์คณะ พรชัย สมรรถเวช ครีภูมิ สุวรรณโรจน์ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan