ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จไปแล้ว 2 ปาก จำเลยยื่นคำร้องว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวแก่สถานที่เกิดเหตุกลับได้ความว่า เหตุเกิดที่ตำบลบางขุนพรหมขอให้ศาลงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง โจทก์สืบพยานต่ออีก 2 ปาก แล้วยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องศาลสั่งว่า โจทก์ไม่แสดงเหตุผลอันควรตามมาตรา 163 ไม่อนุญาตต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องใหม่ขอแก้ฟ้อง เช่นคำร้องฉบับแรกอ้างเหตุว่าที่ฟ้องคลาดเคลื่อนไปนั้น เพราะอาศัยวินิจฉัยจากการสอบสวนของพนักงาน ฯลฯ ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์เคยยื่นคำร้องอย่างนี้ครั้งหนึ่ง และศาลได้สั่งไปแล้ว จะมาร้องใหม่เช่นนี้ไม่ได้ต้องห้ามตามมาตรา 144 วิธีพิจารณาความแพ่ง แล้วดำเนินการสืบพยานจนเสร็จสำนวน และพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ขอแก้ฟ้องได้ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา 144 แห่งวิธีพิจารณาความแพ่ง นั้น จะนำมาอนุโลมบังคับแก่กรณีเช่นคดีนี้ไม่ได้ เพราะมาตรานั้นใช้เฉพาะการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือประเด็นข้อใดข้อหนึ่งแห่งคดีการวินิจฉัยสั่งคำร้องขอแก้ฟ้องไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ส่วนเหตุอันควรให้แก้ฟ้องหรือไม่นั้น โจทก์อ้างว่า เพราะพนักงานสอบสวนเข้าใจกฎหมายในเรื่องสถานที่เกิดเหตุผิดไป ศาลฎีกาเห็นว่าการเข้าใจผิดกฎหมายผิดไม่เป็นเหตุควรอ้างอิงได้ ส่วนการที่พนักงานสอบสวนเชื่อคำพยานในชั้นสอบสวนไปอีกอย่างหนึ่ง เมื่อคำพยานปรากฏในชั้นศาลอีกอย่างหนึ่งแล้วจะขอแก้ฟ้องให้เป็นไปตามคำพยานในชั้นศาลนั้นก็ไม่เป็นเหตุอันควรให้แก้ฟ้องได้เช่นเดียวกัน ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องโจทก์ยังไม่มีเหตุอันควรให้แก้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์โดยบังคับคดีไปตามศาลแขวงเหนือ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









