สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4292/2567

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4292/2567

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 185, 215, 219 ตรี, 221, 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 4

คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษกักขังจำเลยแทนโทษจำคุกและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ตรี ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 และในกรณีนี้ ป.วิ.อ. มาตรา 221 ไม่ได้บัญญัติให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาได้ การอนุญาตให้ฎีกาของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ

เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่ทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาก็ชอบที่จะหยิบยกพยานหลักฐานทั้งปวงที่ปรากฏในสำนวนขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215, 225 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนมีกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษกักขังจำเลยแทนโทษจำคุกและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่จำเลยฎีกาว่า นาง ร. และผู้เสียหายร่วมกันใช้มือทำร้ายนางสาว ฐ. หลายครั้ง จำเลยเข้าไปห้ามและใช้มือผลักผู้เสียหายเพื่อไม่ให้ทำร้ายร่างกายนางสาว ฐ. เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นการป้องกันอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวนางสาว ฐ. และพอสมควรแก่เหตุ กับที่ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาหรือกักขังจำเลยที่ในที่อยู่อาศัยของจำเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังมาเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างและเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว และในกรณีนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ไม่ได้บัญญัติให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาได้ การอนุญาตให้ฎีกาของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย อย่างไรก็ตามแม้ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังมาว่า จำเลยใช้มือชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณจมูกจนได้รับอันตรายแก่กาย แต่เมื่อพิจารณารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ปรากฏว่า นาง ร. และผู้เสียหายใช้มือของบุคคลทั้งสองทำร้ายใบหน้านางสาว ฐ. ภริยาของจำเลย โดยนางสาว ฐ. ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุเพียง 1 วัน แสดงว่าวันเกิดเหตุ นาง ร. และผู้เสียหายได้ร่วมกันรุมทำร้ายใบหน้าของนางสาว ฐ. ด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวนับเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายถึงแก่นางสาว ฐ. แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิเข้าไปป้องกันนางสาว ฐ. ซึ่งเป็นภริยาจำเลยให้พ้นจากภยันตรายดังกล่าวได้ แม้จำเลยชกผู้เสียหายไปโดยแรงแต่ก็เป็นการชกเพียงครั้งเดียว และเมื่อจำเลยชกผู้เสียหายล้มลงจำเลยก็ไม่ได้ชกผู้เสียหายซ้ำอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและไม่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ซึ่งแม้พฤติการณ์ที่ว่านาง ร. และผู้เสียหายได้ร่วมกันรุมทำร้ายนางสาว ฐ. จนเป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่จะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา แต่เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่ทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาก็ชอบที่จะหยิบยกพยานหลักฐานทั้งปวงที่ปรากฏในสำนวนขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215, 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.720/2567

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE