สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 60

โจทก์ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2536 โดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์ตลอดจนให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงกระทำการแทน และบรรยายฟ้องต่อไปว่า ส. ผู้รับมอบอำนาจได้มอบอำนาจช่วงให้ ว. เป็นผู้มีอำนาจยื่นฟ้องและแต่งตั้งทนายความแทนโจทก์ได้ แสดงว่าในขณะยื่นคำฟ้อง ส. ได้มอบอำนาจช่วงให้ ว. มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองแทนโจทก์ได้แม้หนังสือมอบอำนาจช่วงจะลงวันที่ 4 มกราคม 2537 อันเป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วก็ตาม เมื่อหนังสือมอบอำนาจช่วงไม่ได้ระบุเงื่อนเวลาเริ่มต้นของการมอบอำนาจช่วงว่าจะให้ผู้รับมอบอำนาจช่วงเริ่มมีอำนาจเมื่อใด จึงเป็นที่เห็นได้ว่าในขณะยื่นฟ้อง ส. ได้มอบอำนาจช่วงให้ ว. เป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ได้หาทำให้กลับกลายเป็นการมอบอำนาจช่วงภายหลังยื่นคำฟ้อง อันจะทำให้ ว. ไม่มีอำนาจฟ้องแทนโจทก์ไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสง่า เชี่ยวศิลป์ ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดจนให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงให้กระทำการแทนโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 174,463 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า นายสง่า เชี่ยวศิลป์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียร บุ้งทอง เป็นผู้ฟ้องคดีก่อนฟ้องคดีนี้ นายวิเชียร บุ้งทอง จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 41,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (22 ธันวาคม 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่านายวิเชียร บุ้งทอง ผู้รับมอบอำนาจช่วงฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2536 แต่หนังสือมอบอำนาจช่วงที่นายสง่า เชี่ยวศิลป์ ผู้รับมอบอำนาจช่วง มอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียร บุ้งทอง ผู้รับมอบอำนาจช่วง ลงวันที่ 4 มกราคม2537 กรณีจึงเป็นการฟ้องคดีก่อนที่นายวิเชียรจะได้รับมอบอำนาจช่วงจากนายสง่าแม้นายวิเชียรจะนำสืบและอ้างหนังสือมอบอำนาจช่วงในภายหลังก็ไม่อาจทำให้ฟ้องที่ไม่ชอบเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่โจทก์ฎีกาว่าหากจะรับฟังว่าโจทก์ได้ฟ้องคดีก่อนที่นายวิเชียร บุ้งทอง จะได้รับมอบอำนาจช่วงจากนายสง่า เชี่ยวศิลป์ ซึ่งถือว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องโดยส่งหนังสือมอบอำนาจช่วงของนายสง่า ซึ่งมอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียรดำเนินคดีนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 เข้ามาในคดีและศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและดำเนินการพิจารณาจนกระทั่งมีคำพิพากษาฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายและมีผลสมบูรณ์ นายวิเชียรจึงมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ได้นั้น เห็นว่า ในขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2536 โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายสง่า ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์ตลอดจนให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงกระทำการดังกล่าวตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 และบรรยายฟ้องต่อไปว่านายสง่า ผู้รับมอบอำนาจได้มอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียรเป็นผู้มีอำนาจยื่นฟ้องและแต่งตั้งทนายความแทนโจทก์ได้ตามหนังสือมอบอำนาจช่วง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 แสดงว่าในขณะยื่นคำฟ้องนายสง่าได้มอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียรมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองแทนโจทก์ได้ ตามหนังสือมอบอำนาจและมอบอำนาจช่วงที่ได้แนบมาท้ายฟ้อง แม้หนังสือมอบอำนาจช่วงจะลงวันที่ 4 มกราคม 2537 อันเป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วก็ตาม เมื่อหนังสือมอบอำนาจช่วงไม่ได้ระบุเงื่อนเวลาเริ่มต้นของการมอบอำนาจช่วงว่าจะให้ผู้รับมอบอำนาจช่วงเริ่มมีอำนาจเมื่อใด จึงเป็นที่เห็นได้ว่าในขณะยื่นคำฟ้อง นายสง่าได้มอบอำนาจช่วงให้นายวิเชียรเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ได้ หาทำให้กลับกลายเป็นการมอบอำนาจช่วงภายหลังยื่นคำฟ้องอันจะทำให้นายวิเชียรไม่มีอำนาจฟ้องแทนโจทก์ไม่ เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่า ได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องการฟ้องคดีตามฎีกาของโจทก์หรือไม่อีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่เนื่องจากยังมีประเด็นตามอุทธรณ์โจทก์และอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังไม่ได้วินิจฉัยและหากศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยแล้วคดีอาจต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง กรณีสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยในประเด็นที่ยังไม่ได้วินิจฉัยต่อไป"

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาพิพากษาในประเด็นที่ยังไม่ได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์และอุทธรณ์จำเลยที่ 1 แล้วมีคำพิพากษาใหม่

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด จำเลย - นางสาว อัมพร วงศ์ศรี กับพวก

ชื่อองค์คณะ อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ จเร อำนวยวัฒนา อรุณ น้าประเสริฐ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE