ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 320,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างพิจารณา นางสงบ อมรศักดิ์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด1 ปี

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ขอให้ไม่ลดโทษ ไม่รอการลงโทษและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 320,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสี่

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 80,000 บาทแก่โจทก์ร่วม

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยกับโจทก์ร่วมและผู้เสียหายเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน การที่ศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษจำเลยให้น้อยลงจึงเป็นการมิชอบ เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 71 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลในการใช้ดุลพินิจลงโทษผู้กระทำผิดให้น้อยกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ฎีกาของจำเลยดังกล่าวเท่ากับเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 รับวินิจฉัยให้ไม่ได้

ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ผู้เดียวโดยพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 80,000 บาทแก่โจทก์ร่วม จึงเป็นการมิชอบ เห็นว่า ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 ประกอบมาตรา 22(4) บัญญัติให้ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท แต่ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวง และมีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ได้บัญญัติให้อำนาจพนักงานอัยการที่จะร้องขอต่อศาลให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายในความผิดลักษณะต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ และมาตรา 44 บัญญัติให้ยื่นคำขอรวมไปกับคดีอาญาหรือจะยื่นคำร้องในระยะใดระหว่างที่คดีอาญากำลังพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นก็ได้ คำพิพากษาในส่วนเรียกทรัพย์สินหรือราคาให้รวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา ดังนั้นในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ แม้จะมีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นจำนวนมากมายเพียงใด ศาลแขวงก็มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาได้ ส่วนในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต่อศาลแขวงนั้น จะต้องพิจารณาถึงราคาทรัพย์สินที่จะให้จำเลยชดใช้ว่ามีทุนทรัพย์มากน้อยเพียงใด หากมีราคาไม่เกิน 10,000 บาท คดีย่อมอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา แต่ถ้าราคาทรัพย์สินที่เรียกร้องมีจำนวนเกิน 10,000 บาทแล้ว ศาลแขวงก็ไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาในส่วนแพ่งเพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และ 44บัญญัติให้อำนาจไว้เป็นพิเศษเฉพาะคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์เท่านั้น คดีนี้พนักงานอัยการฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงนครสวรรค์ ในความผิดฐานยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 และมีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 320,000 บาท แก่ผู้เสียหายรวม 4 คน การที่ผู้เสียหายคนหนึ่งยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ถือได้ว่าคำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ร่วมที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคามีทุนทรัพย์เกินกว่า 10,000 บาท จึงเป็นคดีที่เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษา เพราะหากผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองแล้วย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำขอในส่วนแพ่งอันมีทุนทรัพย์เกินกว่า 10,000 บาท ต่อศาลแขวงได้ดังนั้นโจทก์ร่วมจึงไม่อาจถือเอาคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำฟ้องของพนักงานอัยการเป็นคำขอของตนได้ โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่จะให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ และศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคำขอในส่วนนี้ เพราะพนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ร่วม จึงเป็นการมิชอบ

ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้นเห็นว่าคดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อพฤติการณ์เท่าที่ปรากฏและโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดยังไม่เหมาะสมแก่รูปคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการวางโทษให้เหมาะสมได้ เฉพาะคดีนี้ถ้าจะรอการลงโทษให้แก่จำเลยไว้ก็ย่อมจะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้จำเลยระมัดระวังการกระทำของตนซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมมากกว่าที่จะลงโทษจำคุกไปทีเดียว จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับมีอายุมากถึง 60 ปีเศษ อีกทั้งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ร่วมและผู้เสียหายตามพฤติการณ์และรูปคดีสมควรที่จะรอการลงโทษแก่จำเลยเพื่อให้โอกาสประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป

พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 80,000 บาทแก่โจทก์ร่วม แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ร่วมที่จะยื่นฟ้องคดีในส่วนแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจต่อไป

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th