ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางว่า จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายและไม่เอาใจใส่ดูแลบุตร ขอให้ถอนอำนาจปกครองจากจำเลยแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแทน
จำเลยให้การว่า โจทก์ละทิ้งบุตรไว้กับจำเลยแล้วไปมีสามีใหม่ขอให้ยกฟ้อง
ศาลคดีเด็กฯ พิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ทั่วไปยังไม่มีเหตุจะเพิกถอนอำนาจปกครองของจำเลย พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็ก ๆ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยาแล้วได้ทำหนังสือสัญญาตกลงกันมอบให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตร บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนตัวผู้ปกครอง อันเป็นการดำเนินการโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1503 เป็นหลักซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 8(2) จะมิได้บัญญัติว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่คดีนี้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนอำนาจปกครองจากจำเลยให้อยู่แก่โจทก์ผู้เป็นมารดาซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ด้วย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 8(2) บัญญัติว่า คดีซึ่งจะต้องบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) นี้ ให้อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ฉะนั้น คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางที่จะพิจารณาพิพากษาได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








