ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า "เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๘๗ เวลากลางคืน จำเลยในคดีนี้กับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้ได้สมคบกันกระทำผิดกฎหมาย โดยบังอาจมีอาวุธเป็นมีดและไม้ขึ้นไปบนเรือนนายจันทร์และทำการจับกุมมือนายจันทร์และนางปีกุมไว้ แล้วพวกจำเลยจึงเข้าทำการเก็บเอาทรัพย์ของนายจันทร์และนางปีไปหลายอย่างรวมเป็นเงิน ๓๔๗ บาท" ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์
จำเลยทุกคนปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น ว่า หลักฐานโจทก์ไม่ติด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์ยังไม่พอถือได้ว่าเป็นการลักทรัพย์และเมื่อการลักทรัพย์ไม่มี ความผิดฐานชิงทรัพย์และปล้นก็ไม่มีด้วยไม่จำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดฐานลักทรัพย์ตามอาญา ม.๒๘๘ จะต้องประกอบด้วยองค์ความผิด คือการบังอาจเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจจริต และเอาไปโดยเจ้าของมิได้อนุญาต แต่ฟ้องโจทก์บรรยายแต่เพียงว่าจำเลยทำการเก็บเอาทรัพย์ไปเท่านั้น ไม่มีข้อความที่จะแสดงได้เลยว่า จำเลยได้ทำการนั้นโดยทุจจริตและโดยเจ้าของไม่ได้อนุญาต ทั้งไม่มีข้อความอื่นที่จะแสดงได้ว่าจำเลยได้ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









