ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นข้าราชการประจำการมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธร จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่กระทำการอันเป็นอุปการะแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคเสรีมนังคศิลาซึ่งทำการแข่งขันกับโจทก์ โดยกล่าวเป็นข้อความว่าให้เลือกผู้แทนพรรคที่เคยปกครองราษฎรมาแล้วได้รับความร่มเย็นคือ ให้เลือกพรรครัฐบาลเบอร์ 7, 9, 15, 27 ถ้าเลือกพรรคฝ่ายค้านลูกจะพลัดพ่อ ๆ จะพลัดลูก ราษฎร์จะได้รับความเดือดร้อน ผู้ใดไม่เชื่อฟังให้ผู้ใหญ่บ้านรายงานไป อำเภอจะได้จับหาว่าเป็นคอมมูนิสต์ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติเลือกตั้งฯ 2499 มาตรา 65
จำเลยปฏิเสธ และตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การประชุมราษฎรมิใช่การใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายตามข้อเท็จจริงจำเลยไม่ได้เรียกราษฎรมาประชุมการกระทำของจำเลยยังไม่ครบองค์ความผิดตามมาตรา 65 พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2499 มาตรา 65 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นจ่านายสิบตำรวจมีหน้าที่เป็นรองหัวหน้าสถานีตำรวจในท้องที่นั้นแม้จำเลยจะไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ราษฎรในท้องถิ่นนั้นย่อมรู้จักจำเลยดีว่าเป็นตำรวจมีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนจับกุม ฉะนั้นการที่จำเลยพูดว่า ถ้าราษฎรคนใดไม่เชื่อฟังจำเลยและเลือกพรรคฝ่ายค้านแล้ว ให้ผู้ใหญ่บ้านจดชื่อส่งอำเภอ อาจถูกจับหาว่าเป็นคอมมูนิสต์นั้น คำพูดเช่นนี้ย่อมเป็นการขู่ให้ราษฎรเกิดความเกรงกลัวได้ ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาจึงมีมติว่า การกระทำของจำเลยเป็นการอุปการะแก่การเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเสรีมนังคศิลาโดยจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติเลือกตั้ง ฯลฯ พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









