ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมและแทนกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 76,840 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 จ - 2126 กรุงเทพมหานคร และมิได้ชำระค่าเสียหายให้แก่เจ้าของรถยนต์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ความเสียหายของรถยนต์คันดังกล่าวไม่เกิน 30,000 บาท ความเสียหายมิได้เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว แต่เกิดจากนายวีระพล กรศรีทิพาด้วยทำให้รถยนต์ของจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 25,605 บาทจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า นางพวงรัตน์ กรศรีทิพา มิได้เอารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7จ-2126 กรุงเทพมหานคร ประกันภัยไว้กับโจทก์สัญญาประกันภัยตามฟ้องโจทก์กับผู้เอาประกันภัยสมคบกันทำขึ้นภายหลังเกิดเหตุเพื่อฉ้อฉลจำเลย โจทก์จึงมิใช่ผู้รับช่วงสิทธิ ไม่มีอำนาจฟ้อง เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของนายวีระพล กรศรีทิพา แต่ฝ่ายเดียวหรือมากกว่าจำเลยที่ 2 ค่าเสียหายไม่ถึง76,840 บาท จำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ไม่ต้องชดใช้ให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 76,840 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์มิได้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน7จ-2126 กรุงเทพมหานคร และมิได้ชำระค่าเสียหายให้แก่เจ้าของรถพยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบเลื่อนลอยไม่น่าเชื่อว่านางพวงรัตน์ กรศรีทิพา จะเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวและได้เอาประกันไว้กับโจทก์จริง เห็นว่า โจทก์มีนายอดิศักดิ์ เชี่ยวสุทธิ พนักงานพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจทก์เบิกความเป็นพยานโดยมีกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.4และหลักฐานการจ่ายค่าเสียหายเอกสารหมาย จ.8 ยืนยันว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากนางพวงรัตน์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2529 และได้ชำระค่าเสียหายให้แก่นางพวงรัตน์ไปจำนวน 76,840 บาท เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2529 ซึ่งจำเลยที่ 1 มิได้นำพยานมาสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ สัญญาประกันภัยไม่คุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 3.9.2 ย่อมไม่เกิดสิทธิที่โจทก์จะรับช่วงสิทธิได้ตามกฎหมายนั้น จำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th