ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีว่า จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของจำเลยเผาซากสับปะรดแห้งในไร่ของจำเลยซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดระยองโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้ต้นมะพร้าว ต้นอ้อย และต้นมันสำปะหลังของโจทก์ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับไร่ของจำเลยเสียหายเป็นเงิน 61,670 บาท เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 61,670 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยโจทก์ระบุในคำฟ้องว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 218 หมู่ 4ตำบลหนองอีรุณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยใช้ให้ลูกจ้างของจำเลยจุดไฟเผาใบและต้นสับปะรดในไร่ของจำเลย ค่าเสียหายของโจทก์หากมีก็ไม่เกิน 1,000 บาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดชลบุรี เพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ภูมิลำเนาที่โจทก์ระบุในฟ้องเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตอาหารกระป๋องของจำเลย แต่มิใช่เป็นภูมิลำเนาของจำเลย และมูลคดีเกิดที่จังหวัดระยอง ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าภูมิลำเนาของจำเลยอยู่กรุงเทพมหานครตั้งมูลคดีเกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง อยู่นอกเขตอำนาจของศาลจังหวัดชลบุรีจะพิจารณาพิพากษาได้ ให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้ววินิจฉัยชี้ขาดไปตามรูปคดี จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิดเป็นการฟ้องคดีที่ไม่เกี่ยวด้วยทรัพย์ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ระบุว่าให้ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือเมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นก็ได้ แต่ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่าศาลจังหวัดชลบุรีไม่ใช่ศาลชั้นต้นที่มูลคดีเกิดขึ้น คงมีปัญหาว่าเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาาอยู่ในเขตศาลหรือไม่ เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 214 หมู่ที่ 4 ถนนอิงแลนด์ (ฉะเชิงเทรา - สัตหีบ) ตำบลหนองอีรุณอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งตามภาพถ่ายหนังสือรับรองนิติบุคคลของจำเลย ซึ่งโจทก์แนบมาท้ายฟ้อง ก็ไม่ปรากฏว่าได้ระบุเอาที่ตั้งที่ทำการหรือถิ่นที่ได้เลือกเอาเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยไว้ ดังนั้น สถานที่โรงงานผลิตอาหารกระป๋องของจำเลยที่ตั้งอยู่จังหวัดชลบุรี จึงมิใช่เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของจำลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคแรก แต่ก็อาจเป็นถิ่นที่จำเลยมีสาขาสำนักงานอันจะจัดว่าเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นด้วยก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคสอง เพราะภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้นหาใช่เพียงปรากฏตามทะเบียนว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่เท่านั้นไม่ดังนั้นหากที่ตั้งโรงงานผลิตอาหารกระป๋องของจำเลยใช้เป็นสาขาสำนักงานของจำเลยด้วยดังที่โจทก์อ้าง โจทก์ก็ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ จึงสมควรฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา ADMIN

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th