สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2543

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 ม. 19

ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์จากจำเลย เนื่องจากกรรมการบริษัทจำเลยล้มป่วยลงหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทจำเลยได้ ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุจำเป็นที่จะสมควรขยายเวลาให้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 19 เพราะกรรมการบริษัทจำเลยมี 2 คน ซึ่งกรรมการหนึ่งคนสามารถลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทจำเลย และมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ ซึ่งตามคำร้องของจำเลยไม่ปรากฏว่ากรรมการบริษัทจำเลยป่วยทั้ง 2 คน การที่กรรมการบริษัทจำเลยที่เหลืออยู่ไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปมอบให้แก่ทนายจำเลย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ขวนขวายนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม ในการอุทธรณ์ไปวางศาลภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 256,235 บาท

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 256,235 บาท กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท

ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดเป็นต้นไป ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2542 ต่อมาทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่สองออกไปอีก 10 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดเป็นต้นไป ศาลภาษีอากรกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายจำเลยอ้างว่ายังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษจึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า มีเหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ที่ศาลสมควรจะอนุญาตให้จำเลยขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่สองออกไปอีก 10 วัน นับจากวันครบกำหนดขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งแรกหรือไม่ เห็นว่า ข้ออ้างตามคำร้องของทนายจำเลยที่ว่า ยังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ เนื่องจากกรรมการบริษัทจำเลยล้มป่วยลงหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทจำเลยได้นั้น มิใช่เหตุจำเป็นที่จะสมควรขยายเวลาให้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2538 มาตรา 19 เพราะกรรมการของบริษัทจำเลยมี 2 คน กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทจำเลย มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ ซึ่งตามคำร้องของทนายจำเลยไม่ปรากฏว่ากรรมการบริษัทจำเลยป่วยทั้งสองคน การที่กรรมการบริษัทจำเลยที่เหลืออยู่ไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปมอบให้แก่ทนายจำเลย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ขวยขวายนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ไปวางศาลภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาอุทธรณ์แก่จำเลยหลังครบกำหนดเวลาอุทธรณ์อีก 15 วัน ซึ่งหากจำเลยเจตนาจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา จำเลยก็มีเวลาถึง 45 วัน ที่จะยื่นได้ หากจำเลยยังไม่มีเงินค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยก็สามารถยื่นอุทธรณ์ก่อนแล้วขอผัดผ่อนการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาล แต่จำเลยหาได้กระทำเช่นนั้นไม่ ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - กรมศุลกากร กับพวก จำเลย - บริษัทโกลเด้นซินเซีย แอสโซซิเอต จำกัด

ชื่อองค์คณะ เรืองฤทธิ์ ศรีวรรธนะ สันติ ทักราล พลประสิทธิ์ ฤทธิ์รักษา

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลภาษีอากรกลาง - นางสาวณัชชา ตะรุโณทัย

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE