ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


ได้ความว่า บิดาโจทก์จำเลยถึงแก่กรรม นานแล้วมารดาโจทก์ จำเลยจึงถึงแก่กรรมทรัพย์มฤดกของบิดานั้นมารดาปกครองมาฝ่ายเดียวมารดาได้ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์มฤดกให้แก่ จำเลย ในพินัยกรรม์ยกที่ดินให้จำเลยนั้น ผู้เขียนเว้นจำนวนเนื้อที่ไร่แล้วใส่จำนวนลงภาพหลัง แต่เป็นเวลาก่อนที่ผู้ทำพินัยกรม์และพะยานลงชื่อ ส่วนที่ดินนั้นเมือมารดาถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์กับบุตรคนอื่นเป็นผู้ให้เช่าจำเลยได้ลงชื่อเป็นพะยานในสัญญาเช่านั้นด้วย บัดนี้โจทก์มาฟ้องเรียกมฤดก แล้อ้างว่าพินัยกรรม์ไม่สมบูรณ์จำเลยต่อสู้ว่าพินัยกรรม์สมบูรณ์และว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฝ่ายโจทก์เถียงว่า จำเลยลงชื่อในสัญญาเช่าแล้ว ไม่มีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพินัยกรรม์นั้นสมบูรณ์การกรอกเช่นนั้นไม่ใช่ความประสงค์ของมาตรา ๑๓๕๖ วรรค ๒ ที่จะให้มีลายมือชื่อกำกับ ส่วนการที่จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาเข่าไม่เป็นการสละสิทธิรับมฤดก เมื่อไม่มีการสละสิทธิรับมฤดกแล้วจำเลยก็ยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างซึ่งให้ยกฟ้องโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







