ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลแรงงานกลางรวมการพิจารณาคดีสามสำนวนเข้าด้วยกัน

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อเดือนตุลาคม 2529เดือนมีนาคม 2530 และเดือนเมษายน 2530 จำเลยจ่ายค่าจ้างโจทก์ขาดไปคนละ218 บาท 979 บาท 1,047 บาทตามลำดับ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างดังกล่าวแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า จำเลยหักค่าจ้างโจทก์ทั้งสามเพราะทรัพย์สินของบริษัทที่จำเลยสั่งโจทก์ไปรักษาความปลอดภัยหายไป จำเลยจึงหักค่าจ้างโ่จทก์และหักเงินประกันของโจทก์ทั้งสามบางส่วนด้วย อันเป็นการหักเงินตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยและตามระเบียบการทำงาน เป็นการชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสามมิได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ทำให้เกิดเหตุแต่อย่างใด เหตุทรัพย์สินหายมิใช่เกิดจากความผิดของโจทก์ จำเลยหักค่าจ้างและเงินประกันของโจทก์ไม่ได้ เงินประกันที่หักไว้เป็นของโจทก์ทั้งสาม หากจะคืนให้ก็เป็นการไม่เกินคำขอ พิพากษาให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ทั้งสามคนละ 2,244 บาท

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยอุทธรณ์ตามข้อ จ. ว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลาง เพราะจำเลยได้หักเงินประกันความเสียหายอีกด้วย จึงเป็นคดีแพ่งสามัญ ชอบที่โจทก์จะฟ้องยังศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ข้อนี้ เห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ในเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การศาลฎีกาอาจยกขึ้นพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ซึ่งต้องนำมาใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 แต่สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่รับวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัย

ในอุทธรณ์ข้อนี้ จำเลยยังอุทธรณ์อีกประการหนึ่งว่า จำเลยหักค่าจ้างของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 เพียงคนละ 1,640 บาท และหักค่าจ้างของโจทก์ที่ 2จำนวน 1,261 บาท เท่านั้น ส่วนที่เหลือหักจากเงินประกันความเสียหาย โจทก์ทั้งสามฟ้องเรียกค่าจ้างมิใช่เรียกเงินประกัน การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันรวมไปด้วยกัน จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายข้อนี้เห็นว่า เงินประกันความเสียหายที่โจทก์ทั้งสามวางแก่จำเลยนั้น เนื้อแท้คือเงินค่าจ้างของโจทก์ทั้งสามที่จำเลยหักไว้แต่ละเดือน เดือนละ 200 บาทนั่นเอง เงินประกันจึงถือได้ว่าเป็นค่าจ้างด้วยส่วนหนึ่ง ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันหาเป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th