ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินน.ส.3 ก. ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของที่ดิน น.ส.3 ก ของจำเลยรวม2 แปลงโดยโจทก์ได้ใช้ที่ดินของจำเลยทั้งสองแปลงเป็นทางเดินออกไปสู่ถนนสาธารณประโยชน์โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี โจทก์จึงได้สิทธิภารจำยอมในทางเดินดังกล่าวโดยอายุความ ต่อมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2530จำเลยทำรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดิน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางเดินดังกล่าวเข้าออกได้ ขอให้พิพากษาโจทก์ได้ภารจำยอมในทางเดินบนที่ดินของจำเลยทั้งสองแปลงโดยอายุความให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์หากไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและให้จำเลยรื้อรั้วลวดหนามและเปิดทาง หากจำเลยไม่รื้อให้โจทก์เป็นผู้รื้อเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์เพิ่งใช้ทางเดินมาเพียง4-5 ปี โจทก์จึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมในทางเดินโดยอายุความ ขอให้ยกฟ้อง และหากศาลพิพากษาให้เปิดทางภารจำยอม ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย และค่าทดแทนเป็นเงิน 20,000 บาท

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้ทางภารจำยอมโดยอายุความซึ่งเป็นการได้ทางพิพาทโดยผลของกฎหมาย โจทก์ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ได้ทางภารจำยอมโดยอายุความให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมให้แก่โจทก์หากไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยรื้อรั้วลวดหนามและเปิดทางพิพาท หากจำเลยไม่รื้อก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ฟังได้ว่า มีสะพานเก่าข้ามลำรางสาธารณะซึ่งกั้นระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยผู้ที่อยู่ในที่ดินของโจทก์ได้ใช้สะพานนี้ข้ามจากที่ดินของโจทก์ไปยังที่ดินของจำเลยและเดินผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ถนนสายวังทอง-เขาทราย มาเป็นเวลานานเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความตามกฎหมาย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายหรือค่าตอบแทนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อคดีฟังได้ว่าทางพิพาทเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องใช้ค่าเสียหายหรือค่าทดแทนให้แก่จำเลยแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องแย้งได้

อย่างไรก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าถ้าจำเลยไม่รื้อรั้วลวดหนาม ให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้น ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 296 ทวิแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติไปตามบทบัญญัติดังกล่าว

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ว่าหากจำเลยไม่รื้อรั้วลวดหนามก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th