ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุขาดงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร ความจริงโจทก์ทั้งสามหยุดงานเพื่อไปร่วมชุมนุมหยุดงานกับสหภาพแรงงานซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกจึงมีเหตุอันสมควร การเลิกจ้างของจำเลยจึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหายและค่าชดเชย
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า จำเลยปิดงานเฉพาะสมาชิกสหภาพแรงงานลูกจ้างไทย เอส.แอล. โจทก์ทั้งสามแจ้งต่อจำเลยว่าไม่มีสมาชิกสหภาพแรงงานขอเข้าทำงาน ต่อมาโจทก์ทั้งสามขาดงานติดต่อกันเกินกว่าสามวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ทั้งสามได้แจ้งต่อจำเลยผู้เป็นนายจ้างขอกลับเข้าทำงานตามปกติในระหว่างที่จำเลยปิดงานเฉพาะลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน โดยโจทก์ทั้งสามต่างรับรองว่าตนไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน และจำเลยก็ได้ตกลงรับโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานตามเดิมเช่นเดียวกับลูกจ้างซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานที่ไม่ได้ถูกปิดงาน ครั้นโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานตามปกติแล้วโจทก์ทั้งสามต่างได้ขาดงานติดต่อกันเกินกว่าสามวันโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้จำเลยทราบเช่นนี้ จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2515 ข้อ 47(4) อันเป็นข้อยกเว้นที่จำเลยเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









