ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2493 โจทก์ซื้อที่นามือเปล่าจำเลย 1 แปลงแล้วให้จำเลยเช่าทำต่อเรื่อยมาโดยเก็บค่าเช่าเป็นข้าวปีละ 150 ถังจำเลยได้แจ้งการครอบครอง ส.ค.1 สำหรับที่นาแปลงนี้ไว้ พ.ศ. 2509 จำเลยยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยหลอกลวงเจ้าพนักงานว่าที่นาดังกล่าวเป็นของจำเลย เจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โดยที่โจทก์ไม่ทราบ ต่อมา พ.ศ. 2510 โจทก์ไปเก็บข้าวค่าเช่าจำเลยก็ขอผัดผ่อนเรื่อยมา ในที่สุดอ้างว่านาเป็นของจำเลย และนำเอกสาร น.ส.3 มาแสดง โจทก์จึงทราบเรื่อง และได้ไปร้องเรียนต่อทางอำเภอ เมื่ออำเภอเรียกจำเลยไปสอบถาม จำเลยก็รับว่าเป็นนาของโจทก์ แต่ไม่ยอมออกไปและไม่ยอมให้แก้ชื่อในเอกสารเป็นชื่อโจทก์ จึงขอให้พิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและสั่งเพิกถอนหนังสือ น.ส. 3 ดังกล่าว

จำเลยให้การว่า จำเลยได้นาพิพาทมาโดยการบุกเบิกและได้แจ้งการครอบครอง ส.ค. 1 ไว้ จำเลยไม่เคยขายนาพิพาทให้โจทก์เมื่อ พ.ศ. 2490จำเลยเคยกู้เงินโจทก์ โจทก์คิดดอกเบี้ยเป็นข้าวปีละ 105 ถัง ต่อมา พ.ศ. 2491-2492 จำเลยไม่ได้ส่งดอกเบี้ยเพราะทำนาไม่ได้ โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยให้จำเลยส่งข้าวเป็นดอกเบี้ยปีละ 150 ถัง ซึ่งจำเลยส่งมาทุกปี จน พ.ศ. 2508 จำเลยจึงไม่ยอมส่งจำเลยไม่เคยเช่านาพิพาทจากโจทก์ จำเลยได้รับหนังสือ น.ส.3 โดยมิได้หลอกลวงเจ้าพนักงาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและให้เพิกถอนหนังสือ น.ส.3

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า การซื้อขายนาพิพาทมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน จึงไม่สมบูรณ์

ศาลฎีกาเห็นว่า "แม้การซื้อขายที่นาพิพาทจะทำหนังสือกันเองและมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำให้สัญญาซื้อขายที่นาเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ก็จริง แต่ที่นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าซึ่งมีแต่สิทธิครอบครองซึ่งอาจโอนกันได้โดยส่งมอบหรือเพียงแสดงเจตนา ซ้ำในคดีนี้จำเลยซึ่งเคยครอบครองอยู่ได้ขอเช่าที่นาพิพาทจากโจทก์หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว กรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1380 วรรค 1ที่ว่า การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผล แม้ผู้โอนยังยึดถือทรัพย์สินอยู่ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอนและโดยที่จำเลยเช่านาพิพาทจากโจทก์ต่อมา จึงถือว่าจำเลยยึดถือที่นาพิพาทไว้แทนโจทก์เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่า ได้มีการโอนการครอบครองให้โจทก์แล้วโดยถูกต้อง ฯลฯ"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th